11/11/10

มาทานอาหารเช้ากันเถอะ

ที่มา หนังสือalternative medicine

 2007-10-31_124913_re_อาหารเช้า_1

        ด้วยภารกิจที่รัดตัว ด้วยเวลาที่เร่งรีบ ด้วยความต้องการลดความอ้วนและอื่น ๆ อีกมากมายที่หลายคนยกมาเป็นเหตุผลในการละเลยอาหารม้อเช้า ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วคือมื้อที่สำคัญที่สุด จากมื้อเย็นจนถึงมื้อเช้าเป็นเวลา 12 ชั่วโมงที่ร่างกายไม่ได้รับอาหาร หากคุณข้ามมื้อเช้าไปก็จะกลายเป็น 18 ชั่วโมงกว่าที่จะมีสารอาหารตกถึงร่างกายอีกครั้งในมื้อเที่ยง

          ยามตื่นนอนระดับน้ำตาลในเลือดจะต่ำร่างกายจำเป็นต้องได้รับพลังงานเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาล แต่ถ้าคุณไม่ทานอาหารเช้า ร่างกายจะต้องไปดึงเอาคาร์โบไฮเดรตจากตับซึ่งมีสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็นมาใช้งานแทน แต่คาร์โบไฮเดรตจากตับซึ่งมีสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็นมาใช้งานแทนพลังงานจากอาหารได้อย่างเต็มที่ คนที่พลาดอาหารเช้าจึงขาดความกระฉับกระเฉงหงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย หัวสมองไม่ค่อยแล่นเมื่อเทียบกับคนที่ทาน นอกจากนี้คนที่ไม่ทานมื้อเช้ามีแนวโน้มที่จะทานหนักในมื้อเย็น ซึ่งเป็นมื้อที่ควรทานน้อยที่สุดเพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการพลังงานน้อยและอาหารถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมได้ง่าย

         กินมื้อเช้าอย่างราชา กินมื้อเย็นอย่างยาจก แล้วคุณจะมีกำลังวังชา สมองแจ่มใสไปตลอดวัน

ขอบคุณ เรื่องจากหนังสือalternative medicine,photo:webboard sanook.com

11/9/10

Would you like some chocolate?สดใส งดงาม ก็ชีวิตนี่หวานมันเช่นช็อกโกแลต

เรื่อง หนังสือwellfit
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น แต่นอกหน้าต่างยังมืดอยู่เลย ใครล่ะจะอยากตื่นจากฝันหวานบนที่นอนนุ่มๆ สปริงเบาๆ ขี้เกียจอย่างนี้จะทำอย่างไรให้เช้าของคุณเป็นเช้าที่สดใสทุกวัน

อย่ากังวลไปเดี๋ยวแก่นะเออ ไม่เป็นไรมีวิธีไล่ตัวซึมเซา
 1 นาที ดีดตัว ปลุกประสามให้ตื่นตัว ทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น (ฮอร์โมนเมลาโทนินที่ทำให้เรารู้สึกง่วงจะหยุดทำงาน)กระพริบตาไล่ความง่วงสัก 1 นาที การกระพริบตาเร็ว ๆ จะทำให้ดวงตาชุ่มชื่นขึ้น เพราะมีน้ำตามาหล่อเลี้ยง ช่วยให้คุณมองเห็นโลกยามเช้าของคุณสว่างสดใส
3 นาที กระตุ้นระบบประสาทด้วยการกดจุด ใช้นิ้วหัวแม่มือกดที่นิ้วก้อยของมืออีกข้างค้างไว้ 30 วินาที ทำเช่นนี้สลับกันทั้งสองข้าง จากนั้นใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้นวดคลึงที่หูเบาๆ เพื่อปลุกประสาทการรับรู้ให้ตื่นตัว สุดท้ายให้ถูฝ่ามือทั้งสองข้างจนกระทั่งฝ่ามืออุ่นขึ้น จะช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายทั้งร่างกาย
5 นาที ขยับแขนขยับขากันสักนิดก่อนลุกจากเตียง การยืดเส้นยืดสายจะเป็นการกระตุ้นและคลายกล้ามเนื้อกับเส้นเอ็นที่ยังนอนขึ้เกียจอยู่ให้ตื่นมารับเช้าวันใหม่พร้อมกับเหยียดแขนเหยียดขาและสะบัดขึ้นบนอากาศแรง ๆ จากนั้นไขว้สลับกันไปมาประมาณ 2-3 นาที ขึ้นต่อไป นอนหงาย ยกหัวเข่าซ้ายพร้อมทั้งยกตัวขึ้นจนกระทั่งข้อศอกขวาแตะหัวเข่า ทำเช่นนี้สลับกันไปมาทั้งสองข้าง ข้างละ 6 ครั้ง การไขว้ขวาสลับไปมาจะปลุกการทำงานของสมองทั้งสองส่วน
10 นาที คู่หูคู่เด็ดสูตรสำเร็จของน้ำกับออกซิเจน ทุกวันหลังตื่นนอนคุณควรดื่มน้ำอุ่นๆ ทันที 1 แก้วใหญ่ เพื่อเป็นการชะล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ภายในให้สะอาด จากนั้นสูดหายใจเข้าออกช้า ๆ ลึก ๆ 10 ครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างออกซิเจนภายในเซลล์ร่างกาย ร่างกายจะได้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าตลอดวัน จากนั้นลุกขึ้นยืนตรง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นสูง ๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ลดมือทั้งสองข้างลงพร้อมกับหายใจออกช้า ๆ ทำเช่นนี้ 10 ครั้ง
15 นาที อาบน้ำเพิ่มพลัง เลือกเจลอาบน้ำกลิ่นหอม ๆ อย่างกลิ่นส้มโอเทศ (Grapefruit)กลิ่นโสมขิง หรือกลิ่นโปรดอื่นใด กลิ่นหอมที่สูดผ่านจมูกในยามเช้าจะปลุกความกระปรี้กระเปร่าคล้ายๆ กับเราเติมพลังงานให้ร่างกายพร้อมรับวันใหม่อย่างสดใสเต็มเปี่ยม ถ้าชอบอาบน้ำอุ่นจะต้องอาบน้ำเย็นตบท้าย เพื่อเป็นการกระชับรูขุมขน หลังอาบน้ำอย่าลืมชโลมผิวอ่อนโยนของคุณด้วยโลชั่นให้ทั่วเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นผิวและถนอมผิวให้คงความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
30 นาที เริ่มต้นอาหารเช้าด้วยธัญพืชเคลือบช็อกโกแลต หรือข้าวต้มชีวจิตกับเครื่องดื่มช็อกโกแลตร้อนๆ ช็อกโกแลตจะช่วยสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข แทนที่จะดื่มกาแฟลองดื่มชากลิ่นโรสแมรี่สักถ้วย  แล้วคุณจะได้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่า แต่ถ้าคุณไม่มีเวลาสำหรับอาหารเช้า ลองเคี้ยวเมล็ดยี่หร่าฝรั่ง (Caraway) 2-3 เม็ด น้ำมันหอมจากเมล็ดนั้นจะช่วยให้ร่างกายคุณตื่นตัวมากขึ้น

11/8/10

Happinessเติมความรวยด้วยความสุข

เรื่อง หนังสือwellfit

เรามีเงินไว้ซื้อความสุข หรือซื้ออะไรก็ได้เพื่อให้รู้สึกดี ๆ ราคาที่เราจ่ายไปเพื่อความสุขและความภูมิใจนั้นแพงกว่าที่ต้องจ่ายเพื่อปัจจัยสี่จริง ๆ เยอะมาก อาหารจานหนึ่งที่กินเพื่ออิ่มท้อง คุณควักเหรียญสิบจ่ายไปกี่เหรียญ แต่อาหารมื้อหนึ่งที่คุณจ่ายเพื่อความสุข ความยังไม่พอจ่าย
คิดในมุมกลับกัน ถ้าพื้นอารมณ์เราเป็นคนมีความสุข เราจะสุขของเราได้เรื่อย ๆ เรารวยแล้วนะ เราทำงานเราก็สุข เรากินอะไรเราก็สุข เราเล่นเราก็สุข เรารวยกว่าเงินในกระเป๋าเราเยอะเลย เราไม่ต้องใช้เงินเยอะแยะคอยซื้อความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว งั้นทำยังไงล่ะเราจะรวยทางลัดเช่นนี้ ก่อนอื่นเราต้องตั้งใจว่าจะมีความสุขกับชีวิต ตั้งใจว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็จะทำด้วยความสุข
คนเรายิ่งโตก็ยิ่งหลงลืมความสุข เริ่มสุขไม่เป็น อุ๊ย! ความรับผิดชอบเยอะมาก ใครมาชวนคุยสนุก ๆ ต้องบอกเบา ๆ คล้ายกับว่าเกรงใจว่าไม่มีเวลาไม่มีสาระ บางคนใช้ความเครียดบีบตัวเองให้ทำอะไรได้มากกว่าที่คิดว่าจะทำได้จนเป็นนิสัย เห็นความเครียดเป็นแรงผลักดันสู่ที่สูง เลยเพาะความเครียดไว้ในเรือนนิสัย บางคนใช้ความโชคร้ายของตนเองเรียกร้องความรักความใส่ใจจนเป็นนิสัย สังเกตดูคนกลุ่มนี้จะมองเห็นแต่ความทุกข์ของตนเอง เรื่องดี ๆ ของตนเองมองไม่เห็น ยกแต่แง่ร้ายขึ้นมาบ่นเรียกคะแนนสงสาร ถ้าได้คบเพื่อนคอเดียวกัน เป็นตั้งวงคุยประชันความทุกข์เพื่อแย่งกันรับโล่ห์สงสาร ใครโชคร้ายน้อยกว่ากลายเป็นผู้แพ้ที่ต้องปลอบผู้ชนะ
ภาวะปัจจุบันผลักเราให้ทุกข์ง่าย ต้องหมั่นตั้งใจจะมีความสุขกับชีวิต ลองถามตัวเอง คุณอยากจะทำอะไรบ้าง คุณตั้งใจจะทำอะไรบ้าง เขียนออกมาทีละอย่าง ก่อนถามตนเองอีกครั้งว่าที่เขียนออกมานั้นอยากจะทำแน่หรือ ถ้ายังตอบว่าใช่ ก็ให้เขียนต่อลงไปว่า คุณตั้งใจจะทำสิ่งนั้นด้วยความสุข ทบทวนความตั้งใจนี้บ่อย ๆ ทุกวันได้ยิ่งดี และลองนึกภาพให้ออกว่าตนเองจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร (ถ้าให้นึกเห็นเป็นภาพได้ ก็จะมีพลังมาก) …แล้วความตั้งใจจะค่อย ๆ ผลักดันพฤติกรรมของคุณให้หันหาความสุขเอง
แท็กของ Technorati: {กลุ่มแท็ก}