ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น ย่อมได้อานิสงส์ ๑๑ อย่างดังนี้ คือ
(๑)
หลับก็เป็นสุข
ไม่ทุรนทุราย ละเมอไปต่างๆ ฯลฯ
(๒)
ตื่นก็เป็นสุข
คือ ตื่นด้วยความอิ่ม ไม่ตื่นแบบหวาดผวา งัวเงีย
(๓)
ไม่ฝันร้าย
คนเจริญเมตตาจะฝันดี รู้สึกสบายใจในเรื่องที่ฝันเห็น
(๔)
อมนุษย์ทั้งหลายรักใคร่
อมนุษย์ตรงนี้หมายถึงผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ทั้งหมด ได้แก่
สัตว์เดรัจฉาน เทวดา เปรต อสุรกาย ที่เรียกว่า ผี และ
สัตว์นรก ... ในที่ใดที่มีภัย อมนุษย์ทั้งหมดจะรักใคร่
ไม่ทำร้ายผู้เจริญเมตตา
(๕)
มนุษย์ทั้งหลายรักใคร่
คนที่มีเมตตา ไม่พยาบาทกับใครนั้น ทำให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
รักใคร่เอ็นดูสงสาร อยากจะช่วยเหลือ
(๖)
เทวดาทั้งหลายย่อมคุ้มครองผู้นั้น
เทวดานั้นชอบคนดี ย่อมคุ้มครองคนดี จึงกล่าวกันว่า
มีเราบางคนมีเทวดาติดตามอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ก็เพราะว่า
เทวดาบางองค์นั้นเคยเป็นแม่ของเราในชาติก่อน หรือเคย
เป็นพ่อหรือเคยเป็นเพื่อน หรือบางท่านไม่เคยเป็นอะไรกัน
แต่ได้เมตตาจิตจากเรา ก็ให้การคุ้มครองรักษา
(๗)
ไฟ ศาสตรา อาวุธ ยาพิษ ไม่อาจจะกร้ำกรายผู้นั้นได้
อันนี้สำคัญมาก ถ้าใครสามารถนำของขลังคือ เมตตา เข้ามา
ไว้ในตัวเราได้แล้ว คือ ทำเมตตาจิตนี้ให้เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่จำเป็น
ต้องเสกน้ำล้างหน้า ไม่จำเป็นต้องแขวนพระที่เจริญเมตตาคุณ
เข้ามาไว้ในตัว นี้เป็นอานิสงส์ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสไว้
(๘)
ผิวหน้าย่อมผ่องใส
คนเจริญเมตตานี้ ย่อมมีผิวพรรณผ่องใส
ผู้ที่เจริญเมตตามากมองดูแล้วสบายใจ เข้าไปหาท่านแล้วชื่นใจ
เป็นที่เคารพเลื่อมใสของคนทั่วไป ผิวพรรณก็ผ่องใสด้วย
อายุก็ยืน ผิวหน้าไม่มีริ้วรอยแห่งความโกรธ
(๙)
จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เร็ว
ถ้าใครเจริญเมตตาอยู่เป็นประจำบ่อยๆ ทุกวัน ทุกคืน
จิตจะเป็นสมาธิได้ไวกว่าคนที่ไม่เจริญเมตตา
(๑๐)
เมื่อตายเป็นผู้ไม่หลงตาย
เพราะการเจริญเมตตาจิตบ่อยๆ ความหลงตายในขณะตาย
จะไม่มี ไม่เพ้อ บางคนก่อนตายเพ้อย่างนั้นอย่างนี้ จำอะไร
ไม่ได้ แม้แต่คนใกล้ชิด แต่คนที่เจริญเมตตาจิตนี้เป็นคน
ไม่หลงตาย
(๑๑)
เมื่อจากโลกนี้ไปก็ไปบังเกิดในพรหมโลก
นี้หมายถึงท่านผู้ใดที่ได้ฌานโดยเฉพาะเท่านั้น สำหรับผู้ที่
ยังไม่ได้ฌาน ก็ไปบังเกิดตามภพภูมิของตนๆ
1/6/11
พร 4ประการของท่าน ว.วชิรเมธี
1. อย่าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส จิตประภัสสร ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส จิตประภัสสร ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข
2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวร ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ‘ไฟสุมขอน’ ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ‘แผ่เมตตา’ หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป
แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวร ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ‘ไฟสุมขอน’ ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ‘แผ่เมตตา’ หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป
3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ‘ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น’
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ‘อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน’
‘อยู่กับปัจจุบันให้เป็น’ ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ‘สติ’ กำกับตลอดเวลา
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ‘ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น’
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ‘อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน’
‘อยู่กับปัจจุบันให้เป็น’ ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ‘สติ’ กำกับตลอดเวลา
4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
‘ตัณหา’ ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ‘ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม’
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า ‘เกิดมาทำไม’ ‘คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน’ ตามหา ‘แก่น’ ของชีวิตให้เจอ
คำว่า ‘พอดี’ คือ ถ้า ‘พอ’ แล้วจะ ‘ดี’ รู้จัก ‘พอ’ จะมีชีวิตอย่างมีความสุข
‘ตัณหา’ ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ‘ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม’
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า ‘เกิดมาทำไม’ ‘คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน’ ตามหา ‘แก่น’ ของชีวิตให้เจอ
คำว่า ‘พอดี’ คือ ถ้า ‘พอ’ แล้วจะ ‘ดี’ รู้จัก ‘พอ’ จะมีชีวิตอย่างมีความสุข
แหล่งที่มา : http://psomeasy.blogspot.com/2008/10/4.html
1/4/11
อานิสงส์ของการสวดมนต์แต่ละบท
จากหนังสือ แสกนกรรม2
พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา อิติปิโสเท่าอายุ+1 การสวดมนต์บทนี้มีความหมายว่าจะชนะอุปสรรคทั้งภายในจิตใจและภายนอกคือชนะอุปสรรคต่อหน้าที่การงาน ศัตรูหมู่มารและทำให้ชีวิตราบรื่นต่ออุปสรรคและการสวดมนต์ อิติปิโสเท่าอายุ+1 นั้นทำให้ต่อชะตาชีวิตและผ่านวิบากกรรมที่ได้รับให้เบาบางลงได้
ชินบัญชร ทำให้ใบหน้า วาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดจาน่าเชื่อถือ เจรจาดี มีคนเมตตา มีคนเกื้อกูลดีมีบริวารมากมาย
สวดพระไตรปิฏก ทำให้เป็นผู้มีสติ ปัญญาดี จิตมีสมาธิสูง ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง
สวดพระธัมมะจัก ทำให้เคราะห์กรมหนัก เวรกรรมหนัก ๆ ทุเลาลงและทำให้อาการเจ็บไข้ได้ป่วยหายได้ และสามารถล้างอาถรรพ์คุณไสยมนต์ดำได้ โรคภัยทุเลาเบาบาง
สวดพระอาการวัตตาสูตร ทำให้จิตมีสมาธิสูง เข้าสู่สมาธิได้ง่ายและทำให้เจริญรุ่งเรืองทางด้านทรัพย์ และมีจิตที่สูงกว่ากิเลส
พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา อิติปิโสเท่าอายุ+1 การสวดมนต์บทนี้มีความหมายว่าจะชนะอุปสรรคทั้งภายในจิตใจและภายนอกคือชนะอุปสรรคต่อหน้าที่การงาน ศัตรูหมู่มารและทำให้ชีวิตราบรื่นต่ออุปสรรคและการสวดมนต์ อิติปิโสเท่าอายุ+1 นั้นทำให้ต่อชะตาชีวิตและผ่านวิบากกรรมที่ได้รับให้เบาบางลงได้
ชินบัญชร ทำให้ใบหน้า วาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดจาน่าเชื่อถือ เจรจาดี มีคนเมตตา มีคนเกื้อกูลดีมีบริวารมากมาย
สวดพระไตรปิฏก ทำให้เป็นผู้มีสติ ปัญญาดี จิตมีสมาธิสูง ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง
สวดพระธัมมะจัก ทำให้เคราะห์กรมหนัก เวรกรรมหนัก ๆ ทุเลาลงและทำให้อาการเจ็บไข้ได้ป่วยหายได้ และสามารถล้างอาถรรพ์คุณไสยมนต์ดำได้ โรคภัยทุเลาเบาบาง
สวดพระอาการวัตตาสูตร ทำให้จิตมีสมาธิสูง เข้าสู่สมาธิได้ง่ายและทำให้เจริญรุ่งเรืองทางด้านทรัพย์ และมีจิตที่สูงกว่ากิเลส
Subscribe to:
Posts (Atom)
-
ที่มาหนังสือ: นิพพานนอกวัด/ผู้แต่ง:พระอาจารย์วิเชียร วชิรปัญโญ วันนี้มีหนังสือมาแนะนำอีกเช่นเคย คิดว่าสำหรับผู้ที่ยังทำงาน มีครอบครั...
-
เรื่อง หนังสือwellfit เรามีเงินไว้ซื้อความสุข หรือซื้ออะไรก็ได้เพื่อให้รู้สึกดี ๆ ราคาที่เราจ่ายไปเพื่อความสุขและความภูมิใจนั้นแพงกว่าที่...
-
การอยู่เฉยๆ ทำตัวนิ่ง แบบ คนว่างงานนั้น มีประโยชน์อยู่มากมายอะไรบ้าง มาดูกันเลย ได้คุณภาพของงาน...