10/24/09
best articleบทความดี ๆ 2:เผชิญหน้ากับความกลัวด้วยตัวเอง
คุณเคยกลัวอะไรอย่าสุดจิตสุดใจบ้างไหม
ถ้าตอบว่ากลัวตาย ข้อนี้เห็นจะกลัวกันทุกคน มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป แต่ความกลัวที่ Secret
กำลังจะพูดถึงนี้เป็นความกลัวถึงขั้นที่เรียกว่า"โฟเบีย (Phobia)ซึ่งเป็นอาการกลัวอะไรอย่างมากจน
เกินไป ชนิดที่เรียกว่ามีอาการผวา กลัวอย่างรุนแรงและกลัวแบบไร้เหตุผล ที่สำคัญ ความกลัวที่ว่านี้ยัง
ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของบุคคลน้นด้วย
ผู้ที่เกิดอาการโฟเบียมักมีแนวโน้มที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น ๆ ซึ่งจะ
ส่งผลร้ายต่อไปอีกขั้น เพราะความพยายามในการหลีกเลี่ยงสัตว์ วัตถุ หรืออะไรก็แล้วแต่จะทำให้เกิดความ
เครียดและวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นไปอีก
โดยทั่วไปแล้วเราสามารถแบ่งอาการโฟเบียออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. โฟเบียแบบจำเพาะ เป็นความกลัวอย่างรุนแรงต่อวัตถุ สัตว์ หรืออะไรบางอย่างแบบเฉพาะเจาะจง
เช่น กลัวหนู กลัวงู กลัวลิฟต์ กลัวเลือด กลัวความมืด กลัวหมอฟัน ฯลฯ
2. โฟเบียทางสังคม เป็นความกลัวสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น กลัวเวที กลัวการปรากฏตัวในที่สาธารณะ
กลัวที่จะต้องทำความรู้จักกับคนแปลกหน้า ฯลฯ ทำให้ผู้ที่มีความกลัวประเภทนี้มักหลีกเลียงการเข้าสังคม
เพราะกลัวว่าตนเองอาจแสดงอะไรที่ไม่เข้าท่าทำให้อับอายขายหน้าได้ ฟังแล้วอาจคล้ายคนขี้อาย แต่เป็น
อาการแบบอายสุดขั้ว ชนิดที่แทบไม่สามารถไปไหนมาไหนโดยลำพังได้ ซึ่งผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเช่นนี่ ถ้าไม่
คิดหาทางแก้ไข ก็จะส่งผลร้ายถึงขั้นที่ทำให้เกิดอาการเก็บกด ซึมเศร้า และเสียงต่อการเป็นโรคประสาทได้
ดร.จูเลียน เฮิร์สโกวิตซ์ ซึ่งดูแลเรื่องโฟเบียโดยเฉาะ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ผู้ที่มีอาการโฟเบียมีแนวโน้ม
ที่จะตื่นเต้นง่าย อ่อนไหว มีปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ เร็วกว่าคนปกติ นอกจากนั้นยังมักจะเป็นผู้ที่นิยมความ
สมบูรณ์แบบชนิดที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการคลุ้มคลั่งใกล้บ้ากับความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยรวมทั้งมักเป็น
คนช่างเก็บความรู้สึก ซึ่งหากมองย้อนกลับไปคนประเภทนี้มักได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวที่เน้นการประคบ
ประหงมมากเป็นพิเศษ พวกเขาจึงมักจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ เมื่อโตขึ้นจึงกลายเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานต่อ
ความผิดพลาดต่ำเกินไป
วิธีสลัด ความกลัว ด้วยตัวเอง
ขั้นแรก คุณต้องหันมาเผชิญหน้ากับความจริงและยอมรับว่าตัวเองมีอาการ
อย่างที่ว่าจริง ๆ โดยไม่ต้องไปใส่ใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับคุณ
ขั้นต่อมา ให้ปล่อยตัวเองไปตามสถานการณ์ นั่นคือ ถ้าคุณพบว่ากำลังตื่นเต้น
ขนาดหนักจนหายใจไม่ค่อยจะออก หัวใจทำท่าคล้ายกับจะหยุดเต้น จงบอกตัวเองว่า " ไม่มีอะไรมากหรอก
ฉันแค่กำลังกังวลใจมากไปหน่อยเท่านั้น" แล้วท่องไว้ในใจว่า " ถึงเหตุการณ์จะไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไร
แต่แค่นี้ไม่ถึงตายหรอก"
ขั้นสุดท้าย จงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัว โดยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เอาไว้
ในแต่ละวันหรือสัปดาห์ เช่น ถ้าคุณกลัวจนหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เวลาที่ต้องพบกันคนเยอะ ๆ ก็ลองท้าทายตัวเองด้วย
การตั้งเป้าไว้ว่า วันนี้ฉันจะไปปาร์ตี้ หรือวันนี้ฉันจะยกมือขึ้นขอพูดในที่ประชุม หรือวันนี้ฉันจะชวนเพื่อนไปกินข้าว
และหากโชคร้าย ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างสะดวกง่ายดายตามที่คุณวางแผนไว้ ก็ให้คิดเสียว่า " โธ่เอ้ย...
ไม่เห็นจะเป็นไรเลย"
นอกจากนั้น ดร.คราฮานยังให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นด้วยว่าจากประสบการณ์ของเขาพบว่า ร้อยละ80-90ของผู้
ป่วยจะมีอาการดีขึ้นหากได้รับการบำบัดพฤติกรรมที่ถูกวิธี ซึ่งไม่ใช่การสอนให้ผู้ป่วยต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง
แต่เป็นการจัดระบบความคิดให้ผู้ป่วยที่มองโลกในมุมใหม่ ซึ่งหลัก ๆ แล้วก็คือ การสอนให้รู้จักปล่อยวาง
และไม่เอาจริงเอาจังหรือเคร่งเครียดกับสิ่งละอันพันละน้อยที่ต้องเผชิญในชีวิตประจำวันมากจนเกินไป
และเมื่อผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายจิตใจ ก็จะได้รับความสงบทางร่างกายตามมา
ในทางพระพุทธศาสนา ท่านพุทธทาสภิกขุ ให้ความเห็นเกี่ยวกับความกลัวไว้ในหนังสือ ชุมนุมข้อคิดอิสระ สรุปความได้ว่า
ความกลัวเป็นหนึ่งในบรรดาหลาย ๆสิ่งที่มีอำนาจมากในการทำลายความสุข ความสำราญ หรือรบกวนประสาทของมนุษย์
และดูเหมือนธรรมชาติจะได้สร้างสัญชาตญาณนี้ให้แก่สัตว์ตั้งแต่เริ่มออกจากครรภ์เลยทีเดียว อุบายหนึ่งที่จะช่วยข่มความ
กลัวได้เป็นอย่างดีก็คือ จิตที่เป็นสมาธิ เพราะในขณะแห่งสมาธิ จิตจะไม่มีการคิดนึกอะไรเลย
เมื่อความเจ็บป่วยเกิดขึ้นทางใจ เราก็ต้องหาวิธีการเยียวยาไปที่ใจ ด้วยการลองทำใจให้สบาย ผ่อนคลายตัวเองอีกนิด
แล้วฝึกใจให้เป็นสมาธิอีกหน่อย พร้อมกับให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ ด้วยการท่องไว้ในในว่า " กลัวได้ ก็หายได้ "
" เพียงเท่านี้ความกลัวก็จะพ่ายแพ้ให้แก่ใจที่แข็งแร่งของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย"
บทความจาก: เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ หนังสือSecret ปีที่1ฉบับที่21
-
ที่มาหนังสือ: นิพพานนอกวัด/ผู้แต่ง:พระอาจารย์วิเชียร วชิรปัญโญ วันนี้มีหนังสือมาแนะนำอีกเช่นเคย คิดว่าสำหรับผู้ที่ยังทำงาน มีครอบครั...
-
เรื่อง หนังสือwellfit เรามีเงินไว้ซื้อความสุข หรือซื้ออะไรก็ได้เพื่อให้รู้สึกดี ๆ ราคาที่เราจ่ายไปเพื่อความสุขและความภูมิใจนั้นแพงกว่าที่...
-
การอยู่เฉยๆ ทำตัวนิ่ง แบบ คนว่างงานนั้น มีประโยชน์อยู่มากมายอะไรบ้าง มาดูกันเลย ได้คุณภาพของงาน...