11/1/10

jealous หึง จัดการได้ถ้า…

p13(2)
เรื่องจากหนังสือคลีโอ:BY GUTTJING
             วันนี้อาการแพ้ท้องดีขึ้นนิดนึงแล้ว ก็เลยมีแรงลุกขึ้นเก็บหนังสือเก่าเอามาจัดให้เรียบร้อยก็อดเปิดอ่านไม่ได้ จัดไปอ่านไปก็ไม่เสร็จสักที เจอบทความนึงในหนังสือคลีโออ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยแต่เอ๊ะ เราเปิดข้ามไปได้ยังไงไม่รู้ ยังไม่เคยได้อ่านเลย  ลองเอามาให้เพื่อน ๆได้อ่านกันบ้างสำหรับวิธีจัดการกับความหึงได้เป็นอย่างดี ดูมีเหตุมีผล ใครทำตามได้น่าจะเอาชนะความหึงได้ เราเองก็ทำตามอยู่หลายข้อในนี้เหมือนกัน แสดงว่ามาถูกทางแล้ว
เมื่อไหร่ที่เรารักใครสักคน ความหึงมักจะมาเยือนโดยที่เราไม่ตั้งตัว อารมณ์หึง หวง หรือห่วงนั้น เราสามารถควบคุมได้ถ้าเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน เพียงแค่เข้าใจธรรมชาติของมันและเรียนรู้หนทางที่จะปลดปล่อย เพียงเท่านี้ใจคุณก็จะไม่ร้อนรุ่มด้วยการอยากครอบครองอีกต่อไป
              เราจะรักใครสักคนโดยไม่ต้องหึงได้ไหม? ได้และอาจจะต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกรักใครขึ้นมา เราก็อยากให้เขารักเราคนเดียว นี่ล่ะ ความหึงก็เกิดขึ้นตอนนี้นี่เอง
              “ หึง” เป็นความรู้สึกว่าคนที่เรารัก เขาคือสมบัติของเราเป็นของเราคนเดียว ไม่อยากให้เขาสนใจใคร ไม่อยากให้เขามองใครที่ไหน และถึงเขาจะเป็นสมบัติ  เราลืมไปรึเปล่าว่า เขาก็ต้องเป็นสมบัติของพ่อแม่ พี่น้องของเขาด้วย ท่าน ว.วชิรเมธี เคยเล่าเรื่องอารมณ์หึงหวงไว้ว่า “เมื่อความอยากครอบครองที่แฝงมาในนามของความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ความรักก็กลายร่างเป็นความร้ายได้ทุกเมื่อ”
              ทำไมเราถึงหึง?
“หึง” เป็นส่วนหนึ่งของความกลัว ในทางจิตวิทยาอธิบายสาเหตุของความหึงไว้ว่า มันคือ ความกลัวความสูญเสีย เพราะเมื่อถึงจุดที่ความสัมพันธ์เริ่มจะไปในทางที่ดีแล้ว คุณจะเริ่มกลัวว่าจะสูญเสียมันไปแทบจะทันที ที่สำคัญความหึงมีหลายระดับความรุนแรง แต่ที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นความหึงหวงที่ควบคุมไม่ได้ แบบที่เราเคยเห็นในข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มาแล้วเกือบทุกฉบับ ความหึงแบบนี้เป็นอาการแบบที่ว่า ถ้าฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ซึ่งอันตรายมาก และเป็นกิเลสที่ทำให้คนนั้นกลายเป็นคนตาบอด มองไม่เห็นความจริงว่า ไม่มีใครและไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง
            ทันตแพทย์สม สุจิรา กล่าวไว้ว่า ความกลัวนั้นมีแรงดึงดูด ยิ่งกลัวมากเท่าไหร่ จิตของเราจะดึงดูดให้สิ่งที่เรากลัวนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ บ่อยครั้งที่เราเห็นคู่รักที่หึงหวงกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กลับลงเอยด้วยความบาดหมางและความไม่ไว้ใจติดใจอยู่เสมอ รอวันที่จะระเบิดออกมา จะเรียกว่า ความหึงเป็นส่วนหนึ่งของความรักที่ไม่พอดี คงไม่ผิดนัก จากหนังสือธรรมะทำไม ของท่าน ว.วชิรเมธี บอกในเรื่องของความรักไว้ว่า ความรักที่สมดุลนั้นต้องเกิดจาก สมอง+หัวใจ สมอง:เหตุผลและสติสัมปชัญญะ   หัวใจ:อารมณ์หรือความรู้สึก สมองและหัวใจควรวางอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลบนตาชั่ง
          แต่มนุษย์ส่วนใหญ่เหมื่อตกหลุมรักใครสักคน หัวสมองมักจะด้านชา แต่หัวใจมักคึกคะนอง ซึ่งทำให้เรามองความรักในแง่ของความสนุกการครอบครอง และนำมาซึ่งความหึงหวงในที่สุด บางครั้งเมื่อความหึงหวงนำพาความรักไปสู่จุดจบ บางคนลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเองหรือไม่ก็ป่วยด้วยโรคทุกข์ซ้ำซากอย่างยาวนาน   หัวสมองเหมือนกับแจกัน หัวใจเหมือนกับดอกไม้ ทั้งสองอย่างนี้มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันเลย แต่ถ้าทั้งสองอย่างนี้มาอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลเมือไหร่ แจกันและดอกไม้ก็ก่อให้เกิดความงามได้อย่างลงตัว ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าว
       ความหึงของคุณvs ความหึงของเขา
ความหึงของคุณ เกิดขึ้นแทบจะทันทีเมื่อคุณรักใครสักคน แต่สำหรับผู้หญิงแล้วบางครั้งความหึงหวงมาพร้อมกับความอิจฉาริษยา ซึ่งสองคำนี้นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความหึงเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายคนรักของคุณทำอะไรที่เข้าข่ายของการไม่ซื่อสัตย์ แต่ความอิจฉานั้นเกิดขึ้นเมื่อคุณหวังและต้องการในการที่จะทำแบบเดียวกันด้วย ทั้งสองอย่างนี้เป็นตัวร้ายในการทำลายความสัมพันธ์ของคุณได้พอๆ กัน ความหึงของผู้หญิงนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายและจางหายยาก เพียงแค่หลักฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ระยะหลัง ๆ นี้เขาคุยโทรศัพท์บ่อยกว่าปกติและเกือบทุกครั้งจะต้องเดินออกไปคุยห่าง ๆ คุณ มันอาจจะมีอะไรหรือไม่มีอะไรก็ได้ แต่หัวคุณนั้นได้วาดภาพเรื่องราวไว้เป็นฉาก ๆ แล้ว และคุณพร้อมที่จะทำทุกวิธีทางเพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวคุณคิดถูก
ความหึงของเขา มีเส้นบาง ๆ แบ่งคำว่า  ผู้ชายเอาใจใส่ กับผู้ชายหวงของ  สองบุคลิกนี้แยกกันไม่ยาก ผู้ชายเอาใจใส่จะไม่หึงพร่ำเพรื่อ  และคุณคุณสามารถพูดกับเขาด้วยเหตุและผลได้ แต่ผู้ชายหวงของนั้น ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คุณจะมาเปลี่ยนความคิดเขาได้ ผู้ชายหวงของมาพร้อมกับอารมณ์ฉุนเฉียว บางครั้งถ้าควบคุมไม่อยู่จะกลายเป็นอันธพาลไปเขาสามารถบุกบ้านคุณและค้นข้าวของตู้เสื้อผ้ากระจุยกระจายได้เพียงเพราะว่า เขาคิดว่าคุณซ่อนใครไว้ในบ้าน  ถ้าในชีวิตจริงคุณต้องเจอผู้ชายแบบนี้ ต้องอดทนและบอกเขาว่า ไม่มีอะไรจริง ๆ เขาคิดไปเอง ยิ่งคุณย้ำเขามากเท่าไหร่ เขาจะคิดตรงกันข้ามมากขึ้นเท่านั้น
ความหึงของเรา เมื่อความหึงของหญิงและชายนั้นสวนทางกัน  ทางรับมือที่ดีและยั่งยื่นที่สุดคือ  ความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย กลยุทธ์สำคัญที่คุณควรลองใช้คือ ศาสตร์แห่งหยินและหยาง เมื่อฝ่ายใดร้อนมา เราเย็นใส่ ฝ่ายหนึ่งดำ เราต้องขาว มันคือกฏแห่งความสมดุลและจริงแท้ของธรรมชาติ แต่ก่อนที่ฝ่ายใดจะร้อนหรือดำ ให้เริ่มจากตัวคุณก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกถึงอารมณ์หึงหวงที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมา ให้ลองทำตาม 6 ข้อต่อไปนี้ดู



1   ยอมรับความหึงของตัวเอง  ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะยอมรับว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร การยอมรับเป็นปราการด่านแรกในการแก้ปัญหา ขั้นแรกยอมรับกับตัวเอง ขั้นสองเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง ขึ้นสามบอกกับคนรักของคุณไปตรง ๆว่า ฉันรู้สึกเจ็บปวด ฉันหึงคุณ ด้วยน้ำเสียงปกติที่ปราศจากการประชด บอกเขาให้ละเอียดว่าทำไมคุณถึงรู้สึกอย่างนั้น ฉากต่อฉาก เอาคามรู้สึกนี้ออกไปจากสารบบของคุณให้หมด หลังจากนั้นค่อยให้เขาอธิบายและฟังอย่างใจเย็น และห้ามเด็ดขาดสำหรับประโยคที่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร รู้จักกันเมื่อไหร่ ชอบใช่ไหมผู้หญิงหน้าแบบนั้นน่ะ  เธอมีอะไรดีนักหนาที่ฉันไม่มี  ทัศนคติแบบนี้จะทำให้ทุกอย่างดิ่งลงเหว
2   เข้าใจตัวเอง  หลังจากยอมรับแล้ว ให้ถามตัวเองว่า  นี่ฉันกำลังปล่อยให้ความไม่มั่นใจในตัวเองมาทำลายความสัมพันธ์ของฉันอยู่หรือเปล่า  และต้องยอมรับความจริงข้อแรกที่ว่า ทุกวันนี้ความสัมพันธ์แบบซื่อสัตย์  ผัวเดียวเมียเดียวนั้นหายากขึ้นทุกวัน  คุณอยากได้ความสัมพันธ์แบบนั้นจงลงทุนกับมัน ลงทุนด้วยความเข้าใจ การเอาใจใส่ ความรักและความใจเย็น และลองถามตัวเองว่า ความสัมพันธ์ที่ฉันใฝ่ฝันจะได้นั้นมันเกินขอบเขตหรือเปล่า
3   ความมั่นใจเอาชนะความหึงได้   เมื่อความสัมพันธ์เริ่มมาถึงจุดที่จริงจังแล้วความไม่มั่นใจและเชื่อใจสามารถเอาชนะปัจจัยภายนอกที่เข้ามาทดสอบความสัมพันธ์ของคุณได้ให้บอกตัวเองว่า คนแบบฉันมีคนเดียวในโลก และเขาเองก็ต้องการความพิเศษในตัวฉันที่สามารถจะมอบให้กับเขาได้  กระบวนการความคิดของผู้ชายนั้นไม่ซับซ้อนเท่าผู้หญิง  ตราบใดที่คุณแสดงให้เขาเห็นได้ว่าคุณคุมตัวเองและสถานการณ์อยู่ ความเกรงใจจะเกิดขึ้น
4    จดจำผลลัพธ์ของการหึงไว้ให้ดี  ระลึกไว้เสมอว่าความหึงหวงนั้นคือ การกลัวการสูญเสีย เราจึงต้องการผูกคนที่เรารักไว้กับเราให้นานที่สุด ความหึงหวง คือ การครอบครอง ยิ่งคุณครอบครองมากเท่าไหร่ ความรักจะยิ่งหนีหายไปจากคุณเท่านั้นเหมือนเม็ดทรายในกำมือ ยิ่งคุณบีบแน่นเท่าไหร่ มันจะยิ่งไหลผ่านนิ้วมือคุณไปเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคุณกำมันอย่างหลวม ๆ มันก็จะอยู่ในมือคุณอย่างนั้นไม่ร่วงหล่นไปไหน และสิ่งสำคัญที่สุดของความสัมพันธ์ก็คือ คุณไม่สามารถเป็นเจ้าของใครได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการเป็นมากเท่าไหร่ก็ตาม
5    ระวังโดนกระทำกลับ   ไม่มีใครยอมรับหรอกว่าตัวเองขึ้หึง  ถ้าโดนถามเมื่อไหร่เราก็จะบอกว่า  ไม่นะ เป็นปกติ ใครก็เป็นกัน  ถ้าความคิดคุณเป็นอย่างนี้แล้วก็เตรียมใจไว้บ้าง เมื่อวันหนึ่งคนรักของคุณอาจจะแบบไม่เข้าท่า จนทำให้คุณอึดอัดในสิ่งที่คุณไม่ได้กระทำ เหมือนกับที่คุณเคยทำกับเขาไว้ก็ได้ เพราะเมื่อนั้นไพ่ในมือคุณต่ำกว่าเขา อำนาจการเจรจาคุณก็มีไม่พอ เพราะคุณได้กระทำพฤติกรรมเช่นนี้ก่อน เพราะฉะนั้นก่อนหุนหันพลันแล่นทำการอะไร ให้คิดถึงผลกระทบไว้ด้วย
6     อ่านสัญญาณให้ดี   ถ้าคุณทำทุกอย่างแล้ว คุณเข้าใจ คุณเปิดใจ คุณให้อภัย แต่ความรู้สึกหึงหวงไม่ได้จางหายไปไหนเลย ไม่ว่าคุณจะทำวิธีไหนแล้วก็ตามคุณก็ไว้ใจผู้ชายคนนี้ไม่ได้สักที นี่คือสัญญาณว่าความสัมพันธ์ของคุณนั้นมีอะไรผิดปกติแล้ว ลองหยุดไล่ตามเรื่องรอบ ๆตัวและเพ่งมาที่จิตใจตัวเอง ถามสัญชาติญาณของตัวเองดูว่า ความสัมพันธ์ครั้งนี้มีอะไรผิดพลาด มันจะไปในทิศทางใดให้เวลากับตัวเองและเสียงน้อย ๆ ในใจคุณนั้น จะกระซิบบอกคุณเองว่าต้องทำอย่างไรต่อไป บางครั้งการอยู่คนเดียวนิ่ง ๆ ก่อนจะมีใครในชีวิตอาจสร้างความแข็งแรงในหัวใจได้ดีกว่ามีใคร โดยที่ใจยังไม่พร้อมได้นะ
1192387962
ทุกอย่างเริ่มจากตัวคุณ  หยุดเจ้าชู้  เรื่องจะไม่เกิด
            ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายนอกเป็นเพียงภาพสะท้อนของสิ่งที่เราเป็นภายในก่อนที่คุณจะหาเหตุผลมาแก้ต่างให้กับพฤติกรรมของตัวเอง เขาเป็นอย่างนั้น เขาเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นฉันต้องทำอย่างนั้น ฉันต้องพูดอย่างนี้ ให้หยุดก่อนและบอกตัวเองโดยด่วนเลยว่า ใครจะเป็นอย่างไรช่างเขา  ตัวเราทำตัวให้ดีเป็นพอ คนอื่นหรือในที่นี้คนรักของคุณ คือเป็นปัจจัยที่สามที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ ปัจจับแรกคือร่างกายของคุณควบคุมโดยให้สมองสั่งการ ปัจจัยที่สองคือหัวใจ ซึ่งอยู่ในตัวคุณแท้ ๆ แต่คุณก็ยังไม่สามารถชี้ให้มันเป็นได้ดั่งใจ เพราะฉะนั้นระลึกไว้เสมอว่า ตัวเรายังควบคุมหัวใจเราเองไม่ได้ แล้วประสาอะไรกับการที่เราจะไปควบคุมหัวใจคนอื่น
        คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้เขียนหนังสือ เข็มทิศชีวิต บอกไว้ว่า  เราอยากเปลี่ยนแปลงคนอื่น อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะฉะนั้นเมื่อคนรักของคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตามที่คุณต้องการได้ มันก็แค่นั้นเอง เหมือนกับที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อเขาได้
        90% ของการหึงหวงนั้น สาเหตุหลักมาจากความเจ้าชู้ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้าคุณรักเขาจริง รู้สึกได้ว่าคนรักของคุณคนนี้คุ้มค่าการอดทนและการเรียนรู้กันไป เพราะฉะนั้นจงข่มใจต่อไป รูป รส กลิ่น เสียง ที่จะเข้ามายั่วยวน และทดสอบว่าคุณทั้งสองนั้นเข้มแข็งแค่ไหน เมื่อก่อนคุณอาจจะเฟลิร์ตผู้ชายเล่น ๆ ไปเรื่อย เพราะคิดว่าไม่ได้เสียหายอะไรนี่ ให้ลองถามตัวเองดูว่า ผู้ชายที่ฉันเพิ่งจะส่งตาหวานให้เมื่อกี้  คุ้มค่ากับการสูญเสียแฟนที่คบมานานหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ คุณรู้แล้วว่าคุณต้องทำอย่างไร
            สถานการณ์เลวร้ายที่สุด คุณทำดีทุกอย่างแล้วแต่เขาก็ยังไปมีคนอื่น ให้เอาความดีในตัวเข้าข่ม อีกฝ่ายทำชั่ว  ไม่ได้แปลว่าคุณต้องทำชั่วตามเขา เพราะการกระทำอย่างนั้นไม่ได้แปลว่าเสมอกัน แต่แปลว่าในความสัมพันธ์ครั้งนี้มีคนชั่วถึงสองคนและไม่มีคนดีเลย เราถูกทำร้ายก็ดีกว่าเราทำร้ายคนอื่น  คุณฐิตินาถ กล่าว
เพียงคิดดี พูดดี ทำดี จะเกิดสิ่งดีได้
              การกระทำของคนเรานั้นมีพลังทางจิตแฝงอยู่ เป็นพลังที่บ่งบอกความเป็นตัวตนจริง ๆ ของเราภายใน คนดี พูดดี คิดดี ทำดี แน่นอนว่าเขาเป็นคนดี แต่กลับกันถ้าคนคนหนึ่ง พูดดี คิดไม่ดี แต่ทำดี คุณว่าเขาเป็นคนดีหรือเปล่า ถึงแม้ว่าเขาคิดไม่ดี แต่ยังมีความยับยั้งชั่งใจไม่ใช้กิเลสมานำทางให้เกิดพฤติกรรมไม่ดีตามมา และวันหนึ่งก็อาจพัฒนากลายเป็นคนคิดดีได้ด้วยเหมือนกัน
             ตัวคุณเองก็เช่นกัน อย่าให้พฤติกรรมแย่ ๆ ที่ได้ทำไปบ่งบอกความเป็นตัวคุณ ความหึงหวงนั้นเป็นอารมณ์ชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เหมือนกับทุกสิ่งในโลกใบนี้ ให้ตัวคุณคิดดี พูดดี ทำดี เข้าไว้และเชื่อเถอะว่าเรื่องดี ๆ จะเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณอย่างแน่นอน  เพราะทันทีที่เรามีความประพฤติที่รบกวนความสงบสุขของผู้อื่นเมื่อนั้นเราได้ทำลายชีวิตตัวเองลงแล้ว  คุณฐิตินาถ กล่าวทิ้งท้าย