11/1/10

jealous หึง จัดการได้ถ้า…

p13(2)
เรื่องจากหนังสือคลีโอ:BY GUTTJING
             วันนี้อาการแพ้ท้องดีขึ้นนิดนึงแล้ว ก็เลยมีแรงลุกขึ้นเก็บหนังสือเก่าเอามาจัดให้เรียบร้อยก็อดเปิดอ่านไม่ได้ จัดไปอ่านไปก็ไม่เสร็จสักที เจอบทความนึงในหนังสือคลีโออ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยแต่เอ๊ะ เราเปิดข้ามไปได้ยังไงไม่รู้ ยังไม่เคยได้อ่านเลย  ลองเอามาให้เพื่อน ๆได้อ่านกันบ้างสำหรับวิธีจัดการกับความหึงได้เป็นอย่างดี ดูมีเหตุมีผล ใครทำตามได้น่าจะเอาชนะความหึงได้ เราเองก็ทำตามอยู่หลายข้อในนี้เหมือนกัน แสดงว่ามาถูกทางแล้ว
เมื่อไหร่ที่เรารักใครสักคน ความหึงมักจะมาเยือนโดยที่เราไม่ตั้งตัว อารมณ์หึง หวง หรือห่วงนั้น เราสามารถควบคุมได้ถ้าเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน เพียงแค่เข้าใจธรรมชาติของมันและเรียนรู้หนทางที่จะปลดปล่อย เพียงเท่านี้ใจคุณก็จะไม่ร้อนรุ่มด้วยการอยากครอบครองอีกต่อไป
              เราจะรักใครสักคนโดยไม่ต้องหึงได้ไหม? ได้และอาจจะต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกรักใครขึ้นมา เราก็อยากให้เขารักเราคนเดียว นี่ล่ะ ความหึงก็เกิดขึ้นตอนนี้นี่เอง
              “ หึง” เป็นความรู้สึกว่าคนที่เรารัก เขาคือสมบัติของเราเป็นของเราคนเดียว ไม่อยากให้เขาสนใจใคร ไม่อยากให้เขามองใครที่ไหน และถึงเขาจะเป็นสมบัติ  เราลืมไปรึเปล่าว่า เขาก็ต้องเป็นสมบัติของพ่อแม่ พี่น้องของเขาด้วย ท่าน ว.วชิรเมธี เคยเล่าเรื่องอารมณ์หึงหวงไว้ว่า “เมื่อความอยากครอบครองที่แฝงมาในนามของความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ความรักก็กลายร่างเป็นความร้ายได้ทุกเมื่อ”
              ทำไมเราถึงหึง?
“หึง” เป็นส่วนหนึ่งของความกลัว ในทางจิตวิทยาอธิบายสาเหตุของความหึงไว้ว่า มันคือ ความกลัวความสูญเสีย เพราะเมื่อถึงจุดที่ความสัมพันธ์เริ่มจะไปในทางที่ดีแล้ว คุณจะเริ่มกลัวว่าจะสูญเสียมันไปแทบจะทันที ที่สำคัญความหึงมีหลายระดับความรุนแรง แต่ที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นความหึงหวงที่ควบคุมไม่ได้ แบบที่เราเคยเห็นในข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มาแล้วเกือบทุกฉบับ ความหึงแบบนี้เป็นอาการแบบที่ว่า ถ้าฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ซึ่งอันตรายมาก และเป็นกิเลสที่ทำให้คนนั้นกลายเป็นคนตาบอด มองไม่เห็นความจริงว่า ไม่มีใครและไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง
            ทันตแพทย์สม สุจิรา กล่าวไว้ว่า ความกลัวนั้นมีแรงดึงดูด ยิ่งกลัวมากเท่าไหร่ จิตของเราจะดึงดูดให้สิ่งที่เรากลัวนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ บ่อยครั้งที่เราเห็นคู่รักที่หึงหวงกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กลับลงเอยด้วยความบาดหมางและความไม่ไว้ใจติดใจอยู่เสมอ รอวันที่จะระเบิดออกมา จะเรียกว่า ความหึงเป็นส่วนหนึ่งของความรักที่ไม่พอดี คงไม่ผิดนัก จากหนังสือธรรมะทำไม ของท่าน ว.วชิรเมธี บอกในเรื่องของความรักไว้ว่า ความรักที่สมดุลนั้นต้องเกิดจาก สมอง+หัวใจ สมอง:เหตุผลและสติสัมปชัญญะ   หัวใจ:อารมณ์หรือความรู้สึก สมองและหัวใจควรวางอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลบนตาชั่ง
          แต่มนุษย์ส่วนใหญ่เหมื่อตกหลุมรักใครสักคน หัวสมองมักจะด้านชา แต่หัวใจมักคึกคะนอง ซึ่งทำให้เรามองความรักในแง่ของความสนุกการครอบครอง และนำมาซึ่งความหึงหวงในที่สุด บางครั้งเมื่อความหึงหวงนำพาความรักไปสู่จุดจบ บางคนลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเองหรือไม่ก็ป่วยด้วยโรคทุกข์ซ้ำซากอย่างยาวนาน   หัวสมองเหมือนกับแจกัน หัวใจเหมือนกับดอกไม้ ทั้งสองอย่างนี้มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันเลย แต่ถ้าทั้งสองอย่างนี้มาอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลเมือไหร่ แจกันและดอกไม้ก็ก่อให้เกิดความงามได้อย่างลงตัว ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าว
       ความหึงของคุณvs ความหึงของเขา
ความหึงของคุณ เกิดขึ้นแทบจะทันทีเมื่อคุณรักใครสักคน แต่สำหรับผู้หญิงแล้วบางครั้งความหึงหวงมาพร้อมกับความอิจฉาริษยา ซึ่งสองคำนี้นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความหึงเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายคนรักของคุณทำอะไรที่เข้าข่ายของการไม่ซื่อสัตย์ แต่ความอิจฉานั้นเกิดขึ้นเมื่อคุณหวังและต้องการในการที่จะทำแบบเดียวกันด้วย ทั้งสองอย่างนี้เป็นตัวร้ายในการทำลายความสัมพันธ์ของคุณได้พอๆ กัน ความหึงของผู้หญิงนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายและจางหายยาก เพียงแค่หลักฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ระยะหลัง ๆ นี้เขาคุยโทรศัพท์บ่อยกว่าปกติและเกือบทุกครั้งจะต้องเดินออกไปคุยห่าง ๆ คุณ มันอาจจะมีอะไรหรือไม่มีอะไรก็ได้ แต่หัวคุณนั้นได้วาดภาพเรื่องราวไว้เป็นฉาก ๆ แล้ว และคุณพร้อมที่จะทำทุกวิธีทางเพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวคุณคิดถูก
ความหึงของเขา มีเส้นบาง ๆ แบ่งคำว่า  ผู้ชายเอาใจใส่ กับผู้ชายหวงของ  สองบุคลิกนี้แยกกันไม่ยาก ผู้ชายเอาใจใส่จะไม่หึงพร่ำเพรื่อ  และคุณคุณสามารถพูดกับเขาด้วยเหตุและผลได้ แต่ผู้ชายหวงของนั้น ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คุณจะมาเปลี่ยนความคิดเขาได้ ผู้ชายหวงของมาพร้อมกับอารมณ์ฉุนเฉียว บางครั้งถ้าควบคุมไม่อยู่จะกลายเป็นอันธพาลไปเขาสามารถบุกบ้านคุณและค้นข้าวของตู้เสื้อผ้ากระจุยกระจายได้เพียงเพราะว่า เขาคิดว่าคุณซ่อนใครไว้ในบ้าน  ถ้าในชีวิตจริงคุณต้องเจอผู้ชายแบบนี้ ต้องอดทนและบอกเขาว่า ไม่มีอะไรจริง ๆ เขาคิดไปเอง ยิ่งคุณย้ำเขามากเท่าไหร่ เขาจะคิดตรงกันข้ามมากขึ้นเท่านั้น
ความหึงของเรา เมื่อความหึงของหญิงและชายนั้นสวนทางกัน  ทางรับมือที่ดีและยั่งยื่นที่สุดคือ  ความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย กลยุทธ์สำคัญที่คุณควรลองใช้คือ ศาสตร์แห่งหยินและหยาง เมื่อฝ่ายใดร้อนมา เราเย็นใส่ ฝ่ายหนึ่งดำ เราต้องขาว มันคือกฏแห่งความสมดุลและจริงแท้ของธรรมชาติ แต่ก่อนที่ฝ่ายใดจะร้อนหรือดำ ให้เริ่มจากตัวคุณก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกถึงอารมณ์หึงหวงที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมา ให้ลองทำตาม 6 ข้อต่อไปนี้ดู

10/20/10

ใครเป็นโรคเกลียด วันจันทร์ อ่านตรงนี้


เรื่องจาก:หนังสือcleo
อยากให้ทุกวันเป็นคืนวันศุกร์จะได้หยุดบ่อย ๆ อย่างงั้นเหรอ? ถ้ารู้สึกแบบนี้ทั้งอาทิตย์ละก็ คุณแย่แน่ พกคู่มือคิดบวกต่อไปนี้ติดตัวไปออฟฟิศด้วยดีกว่านะ

เรื่องบางเรื่องในชีวิตก็ไม่ได้ยุติธรรมไปซะทุกอย่างหรอก ผู้หญิงบางคนก็งั้น ๆ ทำไมได้แฟนหล่อ นิสัยดี วันทำงานทำไมมีตั้ง 5วัน ส่วนวันหยุดมีแค่ 2วันเอง ถึงเราจะแก้ไขให้เราหน้าตาดี หรือมีแฟนหน้าตาดีไม่ได้ แต่เราสร้างสถานการณ์ให้สนุกได้เหมือนวันหยุดทุก ๆ วัน แม้วันทำงาน โดยที่คุณเริ่มได้ ที่ตัวคุณเอง
     เริ่มแรก  ให้จำไว้ว่าทำไมคุณถึงเลือกทำงานนี้ในตอนแรก และคุณตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนี้ หรือได้ทำงานกับคนเหล่านี้ นอกจากนี้ แทนที่จะปล่อยให้บรรยากาศการทำงานควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ก็ให้ตั้งใจแน่วแน่ก่อนเริ่มทำงานว่าคุณจะสดชื่นร่าเริง และทำงานงานอย่างกระตือรือล้นแบบเดียวกับเวลาที่คุณช๊อปปิ้ง สรุปง่าย ๆ คือเราเปลี่ยนงานไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนวิธีทำงานของเราได้นั่นเอง
     โรบิน เซียเกอร์ ผู้เขียน You Can Change Your Life Any Time You Want บอกว่า ทัศนะของเรามีผลต่อวิธีคิด และวิธีคิดก็มีผลต่อพฤติกรรม ซึ่งพฤติกรรมนั้นก็จะกำหนดสมรรถนะการทำงานของเราเองผลก็คือสมรรถนะการทำงานนั้นจะกำหนดความสำเร็จของเราในที่สุด เมื่อความสำเร็จหมายถึง การมีความรู้สึกคึกคักเหมือนคืนวันศุกร์ตลอดทั้งสัปดาห์ ก็คุ้มนะกับการพยายามคิดบวกมากขึ้นเล็กน้อย เซียเกอร์ว่า 80% ของทักษะที่เราต้องการเพื่อประสบความสำเร็จนั้นคือ ทัศนะคติ เพราะทัศนคติคือ สติที่เราเลือกจะมีได้ เราจึงสามารถควบคุมมันเอง เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่คุณต้องการให้เกิด ขึ้นอยู่กับตัวคุณ
             ถ้า…อยากสนุก
สาเหตุสำคัญที่สุดทีทำให้คุณหมดสนุกทันทีที่ตื่นนอนเช่าวันจันทร์ คือ ความเชื่อที่ว่างานเป็นเรื่องเคร่งเครียด จริง ๆ แล้ว ถ้าคุณคิดว่างานเป็นเรื่องสนุก คุณจะมีความสุข สนุกสนาน คุณก็จะหาวิธีทำให้งานสนุกเองนั่นล่ะ
          ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไงให้ดูหลานวัยอนุบาลเป็นตัวอย่างทุกวันไปโรงเรียนของเด็กวัยอนุบาลคือ วันไปเล่นกับเพื่อนสนุกสนาน ได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ทุกวัน ลองเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกเมื่อนึกถึงการทำงาน แล้วคุณจะมีความสุขขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นและประสบความสำเร็จกว่าเดิมในที่คุณ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติเท่านั้นเอง ทันทีที่คุณเริ่มรู้สึกแย่เกี่ยวกับงาน ให้รีบปัดออกจากความคิด และพยายามคิดถึงสิ่งดี ๆ เช่น ครั้งล่าสุด ที่คุณหัวเราะเต็มที่ในที่ทำงาน ถ้าทำได้แบบนี้ รับรองว่าคุณจะเพลิดเพลินกับงานที่ทำอยู่
             ถ้า…อยากเจอเพื่อน
เช่นเดียวกับครอบครัว เราเลือกไม่ได้หรอกว่าจะได้ทำงานกับใคร และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสนิทสนมกับทุกคนในที่ทำงาน แต่ถ้าคุณอยากมีความสุขกับงานที่ทำก็ต้องผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงานบางคน ทำไมไม่ลองเริ่มที่กินมื้อเที่ยงด้วยกันล่ะ? เท่าทีต้องทำก็แค่โทรนัดรวมกลุ่มสักสี่ห้าคน โทร จองโต๊ะที่ร้านอาหารคุณจะได้คะแนนในสายตาเจ้านานอีกด้วยนะ เพราะเขาจะรู้สึกว่าคุณมีมนุษยสัมพันธุ์ที่ดี และเขาเห็นว่าคุณเป็นคนสร้างไมตรีกับคนอื่น
              ถ้า…อยากขี้เกียจสักวัน
แย่ที่สุดที่จะดึงให้ขยันทำงาน ในวันที่คุณรู้สึกขี้เกียจที่สุด แต่จะง่ายขึ้นถ้าคุณมีแรงจูงใจ งานวิจัยพบว่า เราจะมีแรงจูงใจทำงานมากขึ้นถ้าอยากได้รับคำชม ไม่ใช่เพราะเงิน เซียเกอร์แนะนำว่า ถ้าไม่มีใครเคยให้เครคิตคุณหรือชื่นชมคุณเลยก็ทำซะเอง ให้รางวัลตัวเองเมื่อคุณทำงานเสร็จสักชิ้น เช่นหลังจากคุยโทรศัพท์เรื่องน่าปวดหัวจบไปสองสาย คุณก็ให้รางวัลตัวเองด้วยการโทร หาเพื่อนเพื่อเมาส์กันสั้น ๆ การคิดถึงภาพรวมก็ช่วยได้ เมื่อคุณรู้แล้วว่างานกระจุกกระจิกเหล่านี้คือ ส่วนหนึ่งของการได้เลื่อนตำแหน่งคุณก็จะมีแรงจูงใจกว่าเดิม แล้วงานถ่ายเอกสารก็จะไม่เลวร้ายซะทีเดียว
               1192388720                1192388720                1192388720
                 ถ้า…อยากแต่งตัวสวย
ก็ใส่ไปเลยสิ อย่าได้แคร์! กรอบระเบียบหรือยูนิฟอร์ม ทำให้ติดนิสัยใส่ เครื่องแบบไปทำงาน หรือ ถ้าคุณมีเครื่องแบบจริง ๆ ที่ต้องใส่ก็หาวิธีสร้างสีสันให้กับตัวเอง เช่น เตรียมรองเท้าคู่สวยไว้ที่โต๊ะทำงาน หรือแต่งผมเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย การเติมแต่งง่าย ๆ อาจทำให้ความรู้สึกแตกต่างได้มาก และไม่ทำให้เจ้านายขวางหูขวางตาด้วย ลองใส่ตุ้มหูแปลก ๆ หรือใช้ผ้าพันคอสวย ๆ เพื่อทำให้เชิ้ตเรียบ ๆ สดใสขึ้นมา
                   ถ้า…คุณอยากได้ความรักและเอาใจใส่
เวลาที่คุณเจอปัญหา คุณต้องการคำปลอบใจจากใครสักคน แต่น่าเสียดายที่คุณพาแม่และเพื่อนสนิทไปนั่งทำงานด้วยไม่ได้ แต่คุณสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่ผู้คนใส่ใจและเข้าใจกันและกันได้ คุณจะได้รับสิ่งที่คุณมอบให้ ดังนั้นถามตัวเองว่าคุณช่างนินทาหรือเปล่า ร่าเริงหรือเปล่า หรือเป็นคนไม่ใส่ใจใคร แล้วค่อยตัดสินใจว่าคุณอยากเป็นแบบไหนถึงจะสร้างบรรยากาศที่เหมือนบ้านได้มากขึ้น ปฏิบัติกับคนอื่นแบบที่คุณอยากให้เขาปฏิบัติกับคุณ แล้วคุณจะเริ่มรู้สึกดีขึ้น และพยายามเป็นมิตรกับคนอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้คิดว่าเพื่อนร่วมงานคือเพื่อนมาก่อน
                 ถ้า…อยากกำหนดตารางเวลาเอง
หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของวันหยุดสุดสัปดาห์คืออิสระที่จะทำสิ่งที่เราต้องการในเวลาที่เราต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าเราวางแผนวันทำงานแบบเดียวกับวันหยุดไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมวันทำงานได้หลายวิธี ปรึกษาเจ้านานเพื่อหาวิธีกำหนดจังหวะการทำงาน และลำดับงานของคุณเอง ด้วยการเข้าใจตรงกันว่าคุณจะทำงานสำเร็จต่อวัน ด้วยวิธีนี้ คุณจะทำงานจริงจังได้มากขึ้นในช่วงครึ่งวันแรก และผ่อนคลายกับงานที่สนุกกว่าเดิมในช่วงครึ่งวันหลัง
               ถ้า…อยากอยู่กับแฟนมากขึ้น
ในกรณีนี้ คุณก็ต้องตั้งนาฬิกาปลุกแล้วล่ะ เพราะคุณอยากได้เวลา 4 ชั่วโมงเหมือนเช้าวันเสาร์ มันก็มีเรื่องของการได้นอนน้อยลงล่ะนะ แต่เซ็กส์แบบรวบรัดระหว่างวันและอาหารเช้าบนเตียงก็น่าจะคุ้มถึงคุณจะห่วงเรื่องงานอย่างที่สุด แต่ก็จะสบายใจเป็นปลิดทิ้งเมื่อมีช่วงเช้าแสนสดชื่นด้วยกัน ส่งข้อความ โทรศัพท์ และอีเมล์คือ วิธีง่ายๆ ที่คุณจะติดต่อเขาได้ระหว่างวัน ขอแนะนำว่ากลับถึงบ้านอาบน้ำทันที จะได้หลุดจากบรรยากาศการทำงานเป็นชีวิตสบาย ๆในบ้านทันที

10/14/10

นำผู้ป่วยโคม่า สู่ความสงบ


เรื่องจาก Secret:Joyful Life&Peaceful Death
เราควรปฏิบัติอย่างไรกับผู้ป่วยโคม่า ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าผู้ป่วยโคม่า
นั้นไม่สามารถรับรู้อะไรได้ เพราะไม่มีอาการตอบสนองใดๆ เลยจึงมักปฏิบัติ
กับเขาเหมือนกับคนที่สลบไสลไร้สมปฤดี
แต่การรับรู้ของคนเรานั้นซับซ้อนกว่าที่เข้าใจกัน มีตัวอย่างมากมายที่ชี้ว่า
ผู้ป่วยโคม่าซึ่งดูเหมือนหมดสตินั้นยังสามารถได้ยินเสียงจากญาติหรือผู้ที่
อยู่รอบเตียงได้ แม้จะไม่ตลอดเวลาก็ตาม
คุณยายวัยเจ็บสิบหัวใจหยุดเต้น แต่หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือจนหัวใจ
เต้นใหม่ ก็นอนแน่นิ่งไม่ตอบสนองใด ๆนานนับเดือน ระหว่างนั้นมีญาติมิตร
มาเยี่ยมมากมาย ใครต่อใครก็บอกคุณยายว่า หายไว ๆ แล้วกลับบ้านนะ
แต่คุณยายไม่แสดงอาการรับรู้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ลูกชายที่เฝ้าไข้
สังเกตว่า เวลาพลิกตัวแม่ จะมีน้ำตาไหลออกมาเหมือนกับว่าแม่รู้สึกเจ็บ
วันหนึ่งจึงพูดกับแม่ว่า แม่เหนื่อยไหม ทรมานไหม ถ้าแม่เหนื่อย แม่ทรมาน
จะไปก็ได้นะ ไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นก็ชวนแม่สวดมนต์ทำสมาธิ พอทำไปได้
แค่ 5นาที ความดันของคุณยายก็ตกจนเหลือศูนย์ แล้วก็จากไปอย่างสงบ
     กรณีนี้ไม่เพียงชี้ว่าผู้ป่วยโคม่าสามารถได้ยินเสียงคนรอบข้างเท่านั้น
หากยังย้ำให้เราพึงตระหนักว่า คำพูดของญาติพี่น้องหรือหมอพยาบาลมีความ
สำคัญมากต่อผู้ป่วย ยิ่งผู้ป่วยระยะสุดท้ายซึ่งหมดหวังที่จะรักษาแล้ว การพูด
ให้เขาปล่อยวางเพื่อจากไปอย่างสงบ น่าจะดีกว่าการพูดเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ เพราะการพูดอย่างหลังนั้นอาจทำให้เขาพยายามยื้อสู้กับความตายด้วยความรู้สึกห่วงใยผู้ที่ยังอยู่หรือรู้สึกผิดที่จะต้องตาย ซึ่งมีแต่จะทำให้เขาทุกข์มากขึ้น
      หมอผู้หนึ่งบินกลับจากอเมริกาทันทีที่รู้ว่าแม่ป่วยหนัก  แต่มาเยี่ยมแม่ได้
แค่ 2 วัน แม่ก็หัวใจหยุดเต้นจึงถูกปั๊มหัวใจอย่างเต็มที่ ผู้เป็นลูกทำใจไม่ได้ที่แม่จากไปกะทันหัน ถึงกับร่ำไห้ขณะเขย่าตัวแม่ แล้วพูดกับแม่ว่า แม่อย่าเพิ่งไป
แม่ทิ้งผมไปทำไม ผมอุตสาห์รีบกลับมาหาแม่ ทำไมแม่อยู่กับผมแค่สองวัน ผ่านไปสักพักแม่ก็ฟื้น เมื่อรู้สึกตัวก็พูดกับลูกว่า ทีหลังอย่าเรียกแม่กลับมาอีกนะ  แล้วแม่ก็เล่าว่า ตอนที่หัวใจหยุดเต้นนั้น รอบตัวมีแต่ความมืดมิด สักครู่ก็เห็นแสงสว่างอยู่ไกล ๆ ขณะที่กำลังลอยไปยังแสงสว่างจนเกือบจะถึงแล้ว ได้ยินเสียงลูกร้องไห้ รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก จึงตัดสินใจกลับมาเพื่อบอกลูกให้ปล่อยแม่ไปเถิด
          ไม่เพียงได้ยินเท่านั้น  ผู้ป่วยโคม่ายังสามารถเห็นสิ่งรอบตัวได้ด้วยแม้ดูเหมือนสลบไสลอยู่ก็ตาม มีชายผู้หนึ่งหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล พยาบาลก็ทำการกระตุ้นหัวใจอย่างเร่งด่วนพร้อมกับใส่ท่อช่วยหายใจ แต่เนื่องจากผู้ป่วยสวมฟันปลอม จึงต้องถอดก่อนที่จะใส่ท่อ หลังจากช่วยชีวิตไว้ได้ ผู้ป่วยได้พักฟื้นที่โรงพยาบาล หลายวันต่อมาชายผู้นี้เห็นพยาบาลคนหนึ่งเดินผ่านมาจึงทักและถามว่า คุณใช่ไหมที่ถอดฟันปลอมผม พยาบาลประหลาดมากว่าเขารู้ได้อย่างไร เพราะตอนนั้นเขาหมดสติอยู่
     มิใช่แต่ผู้ป่วยโคม่าเท่านั้น กระทั่งผู้ป่วยที่หมอวินิจฉัยว่ามีสภาพคล้ายผักก็มีหลักฐานว่าเขาสามารถรับรู้ได้ และไม่เพียงเขาจะได้ยินและสามารถคิดตามได้เท่านั้น หากยังรับรู้สัมผัสและความเจ็บปวดได้ด้วย
    ผู้ป่วยรายหนึ่งเส้นเลือดในสมองแตกทั้งสองข้างและหมดสติไปจากนั้นก็ไม่แสดงอาการตอบสนองอีกเลย หมอวินิจฉัยว่าเป็นผัก คือแน่นิ่งเหมือนเจ้าชายนิทรา แต่ต่อมาเขาได้รับการเยียวยารักษาจนสามารถฟื้นขึ้นมาได้ รวมทั้งได้รับการบำบัดจนมีชีวิตเหมือนคนปกติเขาเล่าถึงเหตุการ์ณตอนที่หมอพยายามวินิจฉัยว่าเขาเป็นผักหรือไม่ หมอบีบหัวแม่โป้งของเขาอย่างแรง ตอนนั้นเขาปวดมาก อยากตะโกน ให้หมอหยุดบีบแต่ก็พูดไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินหมอพูดกันเองว่า คนไข้คนนี้เป็นผักถาวร
        แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ผู้ป่วยโคม่าหรือผู้ที่มีสภาพคล้ายผักทุกคนสามารถได้ยิน เห็น หรือรับรู้สัมผัสทางกายได้ แต่ย่อมเป็นการดีกว่า หากเราปฏบัติต่อผู้ป่วยดังกล่าวเสมือนคนปกติที่สามารถรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวหรือกับตัวเอง นั่นคือ ปฏิบัติกับเขาด้วยความอ่อนโยน เวลาจะใส่ท่อ ฉีดยา ขยับตัวเขา ก็ควรบอกให้เขารู้ก่อน
     นอกจากการดูแลทางกายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือการบรรเทาความทุกข์ทางใจ ลูกหลานหรือฐาติมิตรควรพูดกับเขาด้วยความใส่ใจ แสดงความรักต่อเขาด้วยสัมผัสหรือน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่านหนังสือธรรมะหรือหนังสือเล่มโปรดให้เขาฟัง ชวนเขาสวดมนต์พร้อมกับเราหรือสวดมนต์ให้เขาฟัง ชวนเขาสวดมนต์พร้อมกับเราหรือสวดมนต์ให้เขาฟัง จะชวนเขาทำสมาธิด้วยการรับรู้ลมหายใจเข้า-ออก โดยบริกรรมว่า พุท-โธ ด้วยก็ได้
       หากผู้ป่วยอาการทรุดหนักจนมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ลูกหลานญาติมิตรควรน้อมใจให้เขานึกถึงสิ่งศักดิสิทธิ์หรือสิ่งดีงามที่เขานับถือพูดถึงความรักและความภาคภูมิใจที่เรามีต่อเขา ชวนเขาย้อนระลึกถึงความดีที่เขาเคยทำ ให้ความมั่นใจแก่เขาว่าทุกคนที่อยู่ข้างหลังจะอยู่ได้แม้ไม่มีเขา รวมทั้งแนะนำให้เขาปล่อยวางสิ่งทั้งปวง รวมทั้งสังขารร่างกายนี้
       มีผู้ป่วยอาการโคม่าหลายคนถึงกับพนมมือเมื่อได้ยินเรื่องการทำบุญใส่บาตร บางคนหายกระสับกระส่าย มีอาการนิ่งสงบ แต่ถึงแม้เขาจะไม่แสดงอาการตอบสนองใด ๆ ก็มิได้พึงคิดว่าเขาไม่รับรู้ ในยามนั้นเขาอาจมีปีติ อิ่มเอิบ ปล่องวาง และพร้อมจะจากไปได้
      การปฏิบัติกับผู้ป่วยโคม่าด้วยการมอบสิ่งดีที่สุดทางจิตใจให้แก่เขานอกจากจะดีกับผู้ป่วยแล้ว ยังดีต่อผู้ปฏิบัติด้วยเพราะช่วยให้ใจสงบ เป็นบุญ และคลายจากความเศร้าโศกเสียใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งลูกหลานหรือญาติมิตรก็ได้รับการเยียวยาทางจิตใจด้วย