1. การเลี้ยงดูที่เหมาะสม
สำหรับการป้องกันการหึงหวงในระยะยาวนั้นต้องเริ่มจากการเลี้ยงดู โดย
ให้เด็กมีพัฒนาการที่ถูกต้อง เหมาะสม เติบโตด้วยความรัก ความอบอุ่น
สร้างความภาคภูมิใจในตัวเองให้ได้ ไม่ลงโทษอย่างรุนแรงจนทำให้เด็ก
เกิดความรู้สึกอ้างว้าง หวาดกลัว หรือหวาดผวา เช่น ข่มขู่ว่าจะไม่รัก จะเอา
ไปปล่อย หรือกักขังในห้องมืดหรือห้องแคบ ๆ เป็นต้น เพราะความรู้สึกดังกล่า
จะทำให้เด็กเติบโตอย่างขาดความภาคภูมิใจและขาดความมั่นคงทางจิตใจ
เมื่อมีคนรัก คู่ครอง อาจทำให้เป็นคนขี้หึงหวงได้
2. สร้างคุณค่าและพัฒนาตนเอง
ควรสร้างคุณค่าให้ตัวเองด้วยการคิดดี ทำดี ขยันทำหน้าที่ที่รับผิดชอบให้
สำเร็จสมบูรณ์ มีมนุษย์สัมพันธ์ดี พูดจาไพเราะสุภาพ พัฒนาบุคลิกภาพด้วย
การแต่งกาย แต่งหน้า ทำผม นั่ง เดิน ยืน ให้สง่างาม รักษาความสะอาด
ของร่างกายให้ดูดี ไม่มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก ตลอดจนพยายามรู้จักคนรัก
หรือคู่ครองของเราให้ดีทุกด้าน เพื่อที่จะได้ปรับตัวอยู่ด้วยกัน รวมทั้งอาจ
ต้องเรียนรู้และปรับตัวต่อคู่ครองในเรื่องความชอบ รูปแบบ และวิธีการมี
เพศสัมพันธ์ที่ลงตัวต่อกันทั้งสองฝ่าย
หากพัฒนาและสร้างคุณค่าให้ตัวเองได้ดังกล่าวแล้วก็จะนำไปสู่ความเชื่อ
มั่นว่าตัวเองมีคุณค่าพอที่จะครองใจคนรักคู่ครองได้ ส่งผลให้ลดความรู้สึก
หึงหวงได้เป็นอย่างดี
3. ปรับวิธีคิดและมองคู่รักคู่ครองแต่ด้านดี
การปรับพฤติกรรมผู้อื่นนั้นอาจไม่ง่ายนัก เพราะเป็นสิ่งภายนอกและอยู่เหนือ
อำนาจการควบคุมของตัวเองแต่การปรับวิธีคิดและมุมมองของตัวเองนั้นเป็น
เรื่องภายใน แม้จะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ก็สามารถทำได้ เพราะอยู่ภายในตัวตน
ของเราเอง
การมองคนรักคู่ครองในด้านดี คือ มองเห็นคุณค่า เห็นโอกาสเห็นความหวัง
เห็นความหมาย ในคนรักคู่ครองของเรา เช่นมองว่าคนรักคู่ครองของเราช่วยให้
เรามีสถานภาพทางสังคมดีขึ้น คนรักคู่ครองมีความหมายต่อชีวิตเราและลูก
ดังนั้นหากสงสัยว่าคนรักนอกใจ แต่ไม่มีหลักญานชัดเจนจับไม่ได้ ก็ให้มองใน
ด้านดีของเขาให้เจอ ค้นหาคุณค่าคุณงามความดีต่าง ๆที่เขามีต่อเราให้มาก ๆ
เพราะการมองเช่นนี้จะช่วยลดทอนความหึงหวงลงและรักษาความสัมพันธ์
ให้ยืนยาวได้
4. ลดพฤติกรรมที่อาจทำให้คนรักหึงหวงได้
การลดพฤติกรรมที่อาจทำให้คนรักคู่ครองหึงหวงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ
คนที่มีคนรักขี้หึง กล่าวคือ จะต้องลดพฤติกรรมที่อาจทำให้ชวนสงสัย เช่น
กลับบ้านไม่ตรงเวลา หายไปโดยไม่บอกกล่าว ปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่
สามารถติดต่อได้ เวลาคุยโทรศัพท์แสดงท่าทีวิตกกังวลและเดินเลี่ยงไปพูด
ที่อื่น ไม่อาบน้ำก่อนเข้านอน โดยอ้างว่าอาบมาแล้วจากที่อื่น เป็นต้น เหล่านี้
ล้วนเป็นพฤติกรรมที่กระตุ้นให้คนรักคู่ครองแสดงความหึงหวงมากขึ้น
ทั้ง ๆ ที่ความจริงตัวเองอาจมิได้นอกใจคนรักคู่ครองเลย
ความสม่ำเสมอและพฤติกรรมที่โปร่งใสจริงใจจะช่วยลดอาการหึงหวง
ของคนรักคู่ครองได้ไม่มากก็น้อย
5. คุยกับจิตแพทย์
สาเหตุที่จะทำให้คนเราก็สึกหึงหวงมากคือ มีอาการป่วยด้วยโรคจิตเวช
ชนิดหวาดระแวง หรือโรคประสาทชนิดวิตกกังวล ซึ่งจะส่งผลให้เป็นคนที่
หึงหวงมากจนนอนไม่หลับ วิตกกังวล ขาดสมาธิในการทำงาน ลุกลี้ลุกลน
หวาดระแวงมากถึงขนาดต้องออกติดตามสอดแนมดูพฤติกรรมคนรักคู่ครอง
อย่างใกล้ชิด จนบางทีอาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน
ใครที่มีอาการหึงหวงถึงขึ้นนี้ควรจะไปพบจิตแพทย์หรือเริ่มปรึกษา
นักวิชาการด้านสุขภาพจิต เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ อาจทำด้วยพฤติกรรม
บำบัด จิตบำบัดหรืออาจถึงขึ้นต้องใช้ยาเพื่อการรักษา ส่วนใหญ่เจ้าตัว
มักไม่คิดว่าอาการหึงหวงที่ตนเป็นอยู่เป็นปัญหา แต่คนที่เป็นคู่รักคู่ครอง
จะรับรู้และอาจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญมาก ขอให้เข้าใจว่าอาการมากขนาด
นั้นน่าจะมีการป่วยด้านจิตใจร่วมด้วยจึงควรพาไปพบจิตแพทย์
หากคู่รักคู่ครองที่มีอาการหึงหวง ไม่ยอมรับ ไม่ยอมมาพบจิตแพทย์
ก็ขอให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบมาปรึกษาจิตแพทย์
ด้วยตนเอง เพื่อจิตแพทย์จะได้จัดยาให้เขารับประทาน ซึ่งเป็นยาน้ำใช้
สำหรับหยดลงในน้ำให้ดื่ม ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส คนที่มีความหึงหวงมาก ๆ
เมื่อได้รับยานี้อาจโดยการที่แฟนแอบเอาหยดใส่น้ำให้ดื่มทุกวัน อาการ
หึงหวงจะลดลงจนปรับตัวได้ และสงบสุขทั้งตัวเองและผู้ที่อยู่ร่วมด้วย
โดยทั่วไปเมื่อได้รับยาติดต่อกันประมาณ 1 เดือน จะเริ่มเห็นผลอย่าง
ชัดเจน ดังนั้นก็ขอให้มาปรึกษาจิตแพทย์เพื่อการช่วยเหลือ แล้วจะเกิด
ความสงบสุขได้จริง
6. ฝึกปฏิบัติกรรมฐาน
วิธีแก้ไขในข้อนี้เป็นข้อแนะนำโดยตรงสำหรับผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน
การฝึกกรรมฐาน ทั้งสมถกรรมฐาน และวิปัสนากรรมฐาน หรือที่สาธารณชน
ส่วนมากมักจะเรียกง่าย ๆว่าปฏิบัติธรรมนั่นเอง ควรไปปฏิบัติกรรมฐานที่จัดขึ้น
ในวัดหรือในสำนักปฏิบัติธรรมที่มีพระสงฆ์และึึครูบาอาจารย์ที่รู้จริงคอยแนะนำ
จะช่วยทำให้เข้าใจชีวิต เข้าใจการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของกายและจิต
ซึ่งจะส่งผลให้คลายความกำหนัดยินดีในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
ลดความยึดมั่นถือมั่นและความเป็นตัวเป็นตนของตนเอง จนพบความสงบ
สุขทางใจได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้ความอดทนและเพียรพยายามร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันแก้ไขอาการหึงหวงทั้งหกวิธี ควรได้รับ
การปรึกษาจากนักสุขภาพจิตและได้รับการรักษาจากจิตแพทย์ร่วมด้วย
การฝึกปฏิบัติกรรมฐานตามแนวพุทธศาสนานั้น ควรจะทำควบคู่กัน
ไปทุก ๆวิธีเพื่อจะได้ผลดีทั้งต่อตัวเองและคนที่คุณรัก แม้้ในชีวิตของความ
เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยังวนเวียนอยู่กับความรัก โลภ โกรธ หลง
จะทำให้มิอาจละกิเลสได้ทั้งหมด แต่การมีความรักที่มีพื้นฐานของจิตใจ
ที่มั่นคง มีความภาคภูมิใจในตนเอง ดำรงชีวิตอย่างมีสติ มีจิตใจที่มีความเมตตา
กรุณา และรู้จักชื่นชมในคุณงามความดีของผู้อื่น ก็จะช่วยลดละความรู้สึก
หึงหวงที่ทำให้จิตไม่สงบลงได้ แล้วพัฒนาความคิดมาเป็นความห่วงหาอาทร
อย่างสมเหตุผลและปฏิบัติต่อคนรักคู่ครองด้วยความรักที่เหมาะสมในที่สุด
ของเราเอง
การมองคนรักคู่ครองในด้านดี คือ มองเห็นคุณค่า เห็นโอกาสเห็นความหวัง
เห็นความหมาย ในคนรักคู่ครองของเรา เช่นมองว่าคนรักคู่ครองของเราช่วยให้
เรามีสถานภาพทางสังคมดีขึ้น คนรักคู่ครองมีความหมายต่อชีวิตเราและลูก
ดังนั้นหากสงสัยว่าคนรักนอกใจ แต่ไม่มีหลักญานชัดเจนจับไม่ได้ ก็ให้มองใน
ด้านดีของเขาให้เจอ ค้นหาคุณค่าคุณงามความดีต่าง ๆที่เขามีต่อเราให้มาก ๆ
เพราะการมองเช่นนี้จะช่วยลดทอนความหึงหวงลงและรักษาความสัมพันธ์
ให้ยืนยาวได้
4. ลดพฤติกรรมที่อาจทำให้คนรักหึงหวงได้
การลดพฤติกรรมที่อาจทำให้คนรักคู่ครองหึงหวงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ
คนที่มีคนรักขี้หึง กล่าวคือ จะต้องลดพฤติกรรมที่อาจทำให้ชวนสงสัย เช่น
กลับบ้านไม่ตรงเวลา หายไปโดยไม่บอกกล่าว ปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่
สามารถติดต่อได้ เวลาคุยโทรศัพท์แสดงท่าทีวิตกกังวลและเดินเลี่ยงไปพูด
ที่อื่น ไม่อาบน้ำก่อนเข้านอน โดยอ้างว่าอาบมาแล้วจากที่อื่น เป็นต้น เหล่านี้
ล้วนเป็นพฤติกรรมที่กระตุ้นให้คนรักคู่ครองแสดงความหึงหวงมากขึ้น
ทั้ง ๆ ที่ความจริงตัวเองอาจมิได้นอกใจคนรักคู่ครองเลย
ความสม่ำเสมอและพฤติกรรมที่โปร่งใสจริงใจจะช่วยลดอาการหึงหวง
ของคนรักคู่ครองได้ไม่มากก็น้อย
5. คุยกับจิตแพทย์
สาเหตุที่จะทำให้คนเราก็สึกหึงหวงมากคือ มีอาการป่วยด้วยโรคจิตเวช
ชนิดหวาดระแวง หรือโรคประสาทชนิดวิตกกังวล ซึ่งจะส่งผลให้เป็นคนที่
หึงหวงมากจนนอนไม่หลับ วิตกกังวล ขาดสมาธิในการทำงาน ลุกลี้ลุกลน
หวาดระแวงมากถึงขนาดต้องออกติดตามสอดแนมดูพฤติกรรมคนรักคู่ครอง
อย่างใกล้ชิด จนบางทีอาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน
ใครที่มีอาการหึงหวงถึงขึ้นนี้ควรจะไปพบจิตแพทย์หรือเริ่มปรึกษา
นักวิชาการด้านสุขภาพจิต เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ อาจทำด้วยพฤติกรรม
บำบัด จิตบำบัดหรืออาจถึงขึ้นต้องใช้ยาเพื่อการรักษา ส่วนใหญ่เจ้าตัว
มักไม่คิดว่าอาการหึงหวงที่ตนเป็นอยู่เป็นปัญหา แต่คนที่เป็นคู่รักคู่ครอง
จะรับรู้และอาจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญมาก ขอให้เข้าใจว่าอาการมากขนาด
นั้นน่าจะมีการป่วยด้านจิตใจร่วมด้วยจึงควรพาไปพบจิตแพทย์
หากคู่รักคู่ครองที่มีอาการหึงหวง ไม่ยอมรับ ไม่ยอมมาพบจิตแพทย์
ก็ขอให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบมาปรึกษาจิตแพทย์
ด้วยตนเอง เพื่อจิตแพทย์จะได้จัดยาให้เขารับประทาน ซึ่งเป็นยาน้ำใช้
สำหรับหยดลงในน้ำให้ดื่ม ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส คนที่มีความหึงหวงมาก ๆ
เมื่อได้รับยานี้อาจโดยการที่แฟนแอบเอาหยดใส่น้ำให้ดื่มทุกวัน อาการ
หึงหวงจะลดลงจนปรับตัวได้ และสงบสุขทั้งตัวเองและผู้ที่อยู่ร่วมด้วย
โดยทั่วไปเมื่อได้รับยาติดต่อกันประมาณ 1 เดือน จะเริ่มเห็นผลอย่าง
ชัดเจน ดังนั้นก็ขอให้มาปรึกษาจิตแพทย์เพื่อการช่วยเหลือ แล้วจะเกิด
ความสงบสุขได้จริง
6. ฝึกปฏิบัติกรรมฐาน
วิธีแก้ไขในข้อนี้เป็นข้อแนะนำโดยตรงสำหรับผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน
การฝึกกรรมฐาน ทั้งสมถกรรมฐาน และวิปัสนากรรมฐาน หรือที่สาธารณชน
ส่วนมากมักจะเรียกง่าย ๆว่าปฏิบัติธรรมนั่นเอง ควรไปปฏิบัติกรรมฐานที่จัดขึ้น
ในวัดหรือในสำนักปฏิบัติธรรมที่มีพระสงฆ์และึึครูบาอาจารย์ที่รู้จริงคอยแนะนำ
จะช่วยทำให้เข้าใจชีวิต เข้าใจการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของกายและจิต
ซึ่งจะส่งผลให้คลายความกำหนัดยินดีในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
ลดความยึดมั่นถือมั่นและความเป็นตัวเป็นตนของตนเอง จนพบความสงบ
สุขทางใจได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้ความอดทนและเพียรพยายามร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันแก้ไขอาการหึงหวงทั้งหกวิธี ควรได้รับ
การปรึกษาจากนักสุขภาพจิตและได้รับการรักษาจากจิตแพทย์ร่วมด้วย
การฝึกปฏิบัติกรรมฐานตามแนวพุทธศาสนานั้น ควรจะทำควบคู่กัน
ไปทุก ๆวิธีเพื่อจะได้ผลดีทั้งต่อตัวเองและคนที่คุณรัก แม้้ในชีวิตของความ
เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยังวนเวียนอยู่กับความรัก โลภ โกรธ หลง
จะทำให้มิอาจละกิเลสได้ทั้งหมด แต่การมีความรักที่มีพื้นฐานของจิตใจ
ที่มั่นคง มีความภาคภูมิใจในตนเอง ดำรงชีวิตอย่างมีสติ มีจิตใจที่มีความเมตตา
กรุณา และรู้จักชื่นชมในคุณงามความดีของผู้อื่น ก็จะช่วยลดละความรู้สึก
หึงหวงที่ทำให้จิตไม่สงบลงได้ แล้วพัฒนาความคิดมาเป็นความห่วงหาอาทร
อย่างสมเหตุผลและปฏิบัติต่อคนรักคู่ครองด้วยความรักที่เหมาะสมในที่สุด
..................................................................................................
เป็นอย่างไรกันบ้างวิธีป้องกันความหึงหวงคงช่วยได้เยอะเลย
ก็อ่านมาจากSecretแล้วก็เลยเอามาเล่าต่อให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน
แต่ก็ดีเหมือนกันนะคะถ้าเผื่อการที่เราไม่ได้ตัวติดอยู่กับคนรักตลอดเวลา
แทนที่เราจะคิดฟุ้งซ่านเราควรคิดถึงเขาแต่ในแง่ดีก็เขาเป็นคนที่เราเลือก
มาแล้วนี่นา เขาก็ต้องเป็นคนที่ดีในระดับนึงแหละใช่มั้ยและก็เป็นการ
ให้เกียริตคนที่เรารักด้วยไม่แน่นะเวลาที่เขาคิดนอกลู่นอกทางขึ้นมา
เขาอาจจะคิดถึงข้อดีของเราและเกิดละอายใจว่าเรารักและไว้ใจให้
เกียริตเขามาำกคงไม่มีใครอยากทำลายความเชื่อมั่นและความภาคภูมิ
ใจที่คนรักมีให้ได้ลงคอหรอก
แต่หากว่ามันเกิดขึ้นจริงเราหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่หากว่ามันเกิดขึ้นจริงเราหลีกเลี่ยงไม่ได้
ให้ถือซะว่าเค้ากับเรามันคงไม่ใช่ อย่าไปฝืนมันจะยิ่งทำร้ายตัวเราและ
ความมั่นคงในจิตใจของเรา ให้เราปล่อยเค้าไปตามทางของเค้า(ทางที่
ชอบๆ) ส่วนเราก็ไปตามทางของเรา ทางเส้นใหม่ที่สดใสกำลังรอเรา
อยู่ที่เราได้เป็นอิสระจากคนที่หลอกลวงเรา มันก็เป็นแค่วาระๆนึงเท่านั้นเอง
แล้ววันนึงเราจะพบคนที่ใช่คนนั้น ที่เกิดมาเพื่อเดินไปพร้อม ๆกับเราจริงๆ
หรือลองมองถึงคนที่เค้าลำบากกว่าเรา เด็กที่ขาดความรัก คนที่อดอยาก
ขาดแคลนอาหาร ไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าห่มกายในยามหนาว ต้องเดินเท้าเปล่า
คนที่ต้องเก็บเศษอาหารมาเพื่อประทังชีวิต คนเหล่านี้มีอยู่จริง
ถ้าเราลองคิดถึงปัญหาของเราให้น้อยลง ในเมื่อเรามีข้าวกิน มีบ้านอยู่
และยังมีโอกาสได้พูดคุยกับเค้าคนนั้นอยู่ทุกวันแค่นี้เราควรพอใจ
และควรหาทางทำความดีกับคนรักของเราหรือคุณพ่อคุณแม่หรือ
คนที่ด้อยโอกาสกว่าเราบ้าง
คงทำให้เราลืมเรื่องการหวาดระแวงไปได้เยอะทีเดียวค่ะ
หรือลองมองถึงคนที่เค้าลำบากกว่าเรา เด็กที่ขาดความรัก คนที่อดอยาก
ขาดแคลนอาหาร ไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าห่มกายในยามหนาว ต้องเดินเท้าเปล่า
คนที่ต้องเก็บเศษอาหารมาเพื่อประทังชีวิต คนเหล่านี้มีอยู่จริง
ถ้าเราลองคิดถึงปัญหาของเราให้น้อยลง ในเมื่อเรามีข้าวกิน มีบ้านอยู่
และยังมีโอกาสได้พูดคุยกับเค้าคนนั้นอยู่ทุกวันแค่นี้เราควรพอใจ
และควรหาทางทำความดีกับคนรักของเราหรือคุณพ่อคุณแม่หรือ
คนที่ด้อยโอกาสกว่าเราบ้าง
คงทำให้เราลืมเรื่องการหวาดระแวงไปได้เยอะทีเดียวค่ะ
เพื่อนๆคงเคยได้ยินมาบ้างว่า เมื่อประตูบานนึงปิดลง จะมีประตูบานใหม่
เสมอที่เปิดรอเราอยู่เสมอ ลองหาแสงสว่างจากประตูบานนั้นนะคะ
แล้วเดินออกไปพบโลกที่กว้างไกล ยังมีอะไรอีกมากมายที่รอเราอยู่
ไม่ใช่แค่ความรักจากคนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นหรอกคะ