8/25/10

หนังสือเกี่ยวกับพลังจิต ตอนที่2

     ตามที่สัญญาว่าจะนำมาลงให้อ่านกันอีก 1 เล่มค่ะ ถึงช้าแต่ก็ไม่ลืมนะจ้ะ
ชื่อเรื่องว่า   ยุทธศาสตร์พัฒนาจิต ผู้เขียนท่านเดิมคือ ดร.บุญเลิศ สายสนิท
คิดว่าคนที่สนใจเรื่องพลังจิตคงจะรู้จักท่านกันเป็นอย่างดีแล้ว

     มีทั้งหมด25 ยุทธศาสตร์
1     กฏของการเป็นมนุษย์
2     จิตรอบรู้เรื่องที่ทำให้เราเสียเวลาและพลังงานแห่งชีวิต
3     จงรักชีวิตของตนอย่างแท้จริง
4     ความรู้ ความเข้าใจ คุณค่าของคน
5     พลังดีมีอำนาจมากที่สุดในจักรวาล
6     สร้างจิตสำนึกและหมั่นเติมพลังงานให้ตนเองทุกวัน
7     พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่แห่งความคิด
8     พลังคิดพิชิตความจน
9     สูตรสั่งจิตที่มีส่วนประกอบและหลักการสำคัญ
10     จูนกระแสจิตด้วยรอยยิ้มเพื่อสุขภาพ
11     บรรเทาความเครียดด้วยจิตผ่อนคลาย
12     กุญแจบุคลิกภาพของความสำเร็จที่ซ่อนเร้น
13     6วิธีสร้างพลังจิตให้คิดรวย
14     10หลักพัฒนาจิตให้ทำงานอย่างมีความสุข
15      ใช้จิตวางแผนเร่งการเรียนรู้เร็ว
16     พัฒนาจิตพลิกสูตรแห่งความสำเร็จแบบยั่งยืน
17     ใช้จิตสำรวจตรวจสอบ การดำเนินชีวิตส่วนตัวอย่างรอบคอบ
18     ศาสตร์สรรค์สร้างจิตให้คิดใหม่
19     บันได 15ขั้น ก้าวสู่ความสำเร็จ
20     พลังอำนาจของความคิดด้านลบ
21     พลังอำนาจจิตของความคิดในเชิงบวก
22     วิธีกำหนดเป้าหมายของคุณ
23     หลักการดำเนินชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
24     หลักการดำเนินชีวิตเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี
25     หลักการเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

รูปเล่มเป็นดังนี้จ้า
จะขอเลือกบางส่วนมาเขียน เดา ๆ เอาแล้วกันว่าคนส่วนใหญ่น่าจะอยากรู้เรื่อง
   ยุทธศาสตร์ที่13   :   6 วิธีสร้างพลังจิตให้คิดรวย
     การที่จะมีความมั่งคั่งร่ำรวยได้นั้น คุณต้องมีความต้องการ ความมั่งคั่งร่ำรวย
สภาวะจิตของคุณต้องคิดถึงความมั่งคั่งร่ำรวย นี่คือสิ่งทีี่เราต้องโปรแกรมจิต
เริ่มจากการพิสูจน์  คุณต้องมีความเชื่อว่า คุณสามารถที่จะรวยได้   ฝึกจิตของคุณ
ให้บรรลุถึงความสำเร็จ ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการสร้างการคิดรวย

     คุณเคยพูดหรือเคยมีความเชื่อในประโยคเหล่านี้บ้างไหม
-     คุณต้องทำงานหนักถึงจะได้เงิน
-     การมีเงินนั้น มันเป็นเรื่องของคนอื่น ๆ เขา ไม่ใช่ฉัน
-     การจัดการกับการเงินนั้น เป็นเรื่องยาก
-     เป็นการยากที่จะหาเงินให้ได้มาก ๆ
-     ต้องมีเงินต่อเงิน จึงจะได้เงินมา
-     การดำรงชีวิตด้านจิตวิญญาณ ไม่ควรคิดว่าเงินสำคัญ
-     ชั่วชีวิตนี้ ฉันจะไม่มีวันร่ำรวยแน่นอน
-     ไม่ว่าฉันจะทำอะไรหรือสิ่งใด ไม่เห็นทางว่าจะร่ำรวนได้เลย

     คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติแนวคิดที่มี  ความเชืื่่่่อในเรื่องความรวยที่อยู่ในขอบเขตจำกัด
ให้เป็นความเชื่อว่าจะต้องรวยได้อย่างไร้ขอบเขตจำกัด

     การที่คุณจะร่ำรวยได้นั้นอยู่ที่การโปรแกรมจิตตามความคิดของคุณ คำพูดและ
การกระทำของคุณเป็นเครื่องบ่งบอกว่า คุณจะเป็นคนมั่งมีหรือเป็นคนจน

     พลังอำนาจของความคิดนั้นมีจริง ทุกครั้งที่คุณคิด สิ่งที่คุณคิดจะก่อตัวตนและปรากฏ
ขึ้น ทำให้คุณรู้สึกได้ ทำให้ตัวคุณเองและผู้อื่นมองเห็นได้ ดังเราจะเห็นคนที่ิคิดถึงความ
ผิดหวัง คิดถึงการตัดสินใจผิดพลาดไป คิดถึงความสูญเสีย หรือคิดถึงความล้มเหลว
แม้แต่เหตุการณ์เหล่านี้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความคิดเหล่านี้ก็ยังคุกกรุ่นอยู่ในความรู้สึก
และอารมณ์ตลอดเวลา ทำให้ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์เช่่นนี้ถูกผลักดันจากภายใน
ออกมาปรากฏภายนอก ทำให้เห็นบุคลิกลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไป มองดูอ่อนเปลี้ย
เพลียแรง คล้ายหมดกำลังวังชา หน้าตาซูบเซียวหมองคล้ำ ส่วนผู้ที่คิดบวกสร้างสรรค์
คิดถึงสิ่งที่ตนได้มาหรือกำลังจะได้มา สิ่งที่ได้มานี้จะทำให้ชีวิตดีขึ้น มีความเป็นอยู่
ดีขึ้น และทำให้ประสบความสำเร็จและมีความสุข ความคิดเช่นนี้ แม้คิดอยู่ภายใน
แต่ก็จะปรากฏออกมาภายนอกให้เห็นได้อย่างชัดเจน อากัปกิริยาท่าทาง บุคลิกที่มีพลังใจ
พลังกายแสดงออกมา มีความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉงว่องไว กระปรี้กระเปร่า ดวงตา
สดใสเป็นประกายแห่งความสุขสดชื่นแจ่มใส มีรอยยิ้มในดวงตาและบนใบหน้าอย่างเห็น
ได้ชัด บ่งบอกถึงความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ที่ดีมีความสุขอยู่ภายใน ผลักดันให้ปรากฏ
ออกมา ดังนั้น พลังอำนาจของความคิดนั้นจึงมีความสำคัญต่อมนุษย์เราทุกคน
  
     โดยทั่วไปแล้ว คนรวยมักคิดดี คิดใหญ่ คิดได้ ไม่คิดเสีย แตกต่างไปจากคนจน ที่คิด
กลัว คิดไม่กล้า คิดท้อใจ คิดเบื่อหน่าย คิดเกียจคร้าน ขาดความเชื่อมั่น คิดลบ คิดระวัง
ระแวงไปต่าง ๆ นา ๆ จนทำให้ชีวิตอยู่กับที่ ไม่ก้าวหน้า และในที่สุดทำให้ไม่ประสบความ
สำเร็จในชีวิต แม้วัยจะล่วงเลยไปถึง เลข 4 เลข5 หรือเลข6 และนับวันตัวเลขแห่งวัยที่
เพิ่มขึ้น แสดงออกให้รู้ว่าบทละครแห่งชีวิตใกล้จะปิดฉากลง เป็นฉากสุดท้ายที่จบลง
อย่างทุกขเวทนา และน่าสงสาร

ในตอนหน้าเราจะมาอ่านต่อถึง 6วิธีที่จะสร้างพลังจิตให้คิดรวยกันจ้า
  

หนังสือเกี่ยวกับพลังจิต ตอนที่1

สองเล่มแรกที่อยากจะแนะนำเป็นของดร. บุญเลิศ สายสนิท
ดร.บุญเลิศนั้นจบการศึกษาทางด้านจิตวิทยาพัฒนาการ และ
ศาสตร์เกี่ยวกับพลังจิตโดยเฉพาะ และปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ด้านจิตบำบัดคนหนึ่งของเมืองไทย มีศูนย์อบรมบำบัดทางจิต
และภาษาอังกฤษแก่คนทั่วไป
             ทีนี้เราลองมาดูเล่มแรกกัน
ศาสตร์แห่งการสั่งจิตบำบัด
           ศาสตร์ทุกศาสตร์มีความหมายว่าความรู้ความเชี่ยวชาญ
ในวิชาชีพอย่างลึกซึ้งและนำมาศึกษาให้แตกฉาน
จนเป็นภูมิรู้ติดตัวได้...ศาสตร์สั่งจิตเป็นศาสตร์ที่หมายรวมถึง
การใช้จิตสั่งอำนาจจิตในตัวเองได้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า
            การสั่งจิตนั้นสามารถพิชิตอุปสรรคได้ร้อยแปด
เช่น พิชิตโรคร้ายต่าง ๆ พิชิตความจน พิชิตความขี้เกียจ
พิชิตขี้เหล้าเมายา พิชิตให้เลิกคิดฆ่าตัวตาย
พิชิตความอ้วน พิชิตใจให้ขยันเรียนได้ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้หายได้โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบั

     ในเล่มนี้จะมีห้าบทบวกกับหนึ่งภาคผนวกจะขอยกบทความมาบางส่วน
 ประเภทของจิตแบ่งได้ดังนี้
1     จิตของบุคคลธรรมดา จิตประเภทนี้เป็นจิตที่ปล่อยไปตามอารมณ์
ยังคงยึดติดอยู่กับรูป รส กลิ่นเสียง และสัมผัสค่อนข้างมาก

2     จิตของบุคคลที่รู้จักคิด  เป็นจิตของผู้ที่ยังคงมีความพึงพอใจในรูป
รสกลิ่นเสียงและสัมผัสแต่พอประมาณหรือปานกลางไม่ถึงกับลุ่มหลงมัวเมา

3     จิตของนักฝึกปฏิบัติและพัฒนาจิต เป็นจิตที่ถือว่ารูป รสกลิ่นเสียงและสัมผัส
เป็นสิ่งธรรมดาไม่ยั่งยืน สามารถควบคุมจิตตนเองได้ จะมีหรือไม่มี  จะทำ
หรือไม่ทำ หรือจะหยุดเมื่อใดก็ย่อมได้ ไม่ปล่อยให้อำนาจของรูป รส กลิ่น
เสียงและสัมผัสมีอำนาจเหนือจิตและกายของตน เป็นจิตที่สามารถควบคุมอารมณ์
ความรู้สึกได้

4     จิตของผู้เหนือโลก เป็นจิตที่สละแล้วซึ่งทุกสิ่ง ไม่ยึดมั่นหรือยึดติดกับ
สิ่งใด ๆ ในโลก งดเว้นรูป รสกลิ่นเสียง และสัมผัสโดยสิ้นเชิง เป็นจิตที่หลุดพ้น
จากกิเลสตัณหา เตรียมพร้อมเข้าสู่นิพพาน

          พลังงานแห่งจิตก่อให้เกิดประโยชน์ในทางใดบ้าง
1     การสั่งจิตแก้ปัญหาและปรับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
2     การโทรจิตหรือการส่งคลื่นกระแสจิต
3     การสั่งจิตเพื่อบำบัดโรค
4     การสั่งจิตเพื่อย้อนอดีตและดูอนาคต
5     การทำสมาธิเพื่อพลังอำนาจจิต
6     การใช้พลังจิตเพื่อบังคับวัตถุให้เคลื่อนที่
7     การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากจิตบำบัดโรค
8     การทดสอบจิตของบุคคลอื่น รับหรือด้าน นิ่งหรือไม่นิ่ง
9     การใช้พลังจิตกับเพนดูลัมเพื่อหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำหรือแร่
10   ใช้พลังจิตทำให้ร่างกายหนักหรือเบาขึ้น
11   ใช้พลังจิตให้ร่างกายและผิวพรรณแลดูอ่อนกว่าวัย

        

สร้างตัวเองให้มีความเป็นอัจฉริยะอยู่ในตัว

ที่มา : หนังสือเคล็ดลับพัฒนาตนเองเพื่อความสำเร็จก้าวหน้า


  


     แน่นอนว่าเราจะต้องเคยเรียนรู้และรู้จักบุคคลที่มีความอัจฉริยะอยู่ในตัว จนทำให้ชื่อเสียง
ขจรขจายไปทั่วโลกกันมาบ้างแล้ว บุคคลเหล่านั้นก็อย่างเช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ วิลเลียม
เช็คสเปียร์ เพลโต และอื่น ๆ อีกมากมาย ชื่อเสียงของคนเหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้
ตัวตายไปหลายร้อยปีแล้ว แต่ชื่อเสียงและคุณความดีก็ยังคงปรากฏอยู่ตราบจนถึงปัจจุบัน
และจะมีต่อไปอีกนานเท่านาน
     
     การที่เขามีความเป็นอัจฉริยะอยู่ในตัวนั้น แน่นอนว่าเขาจะต้องมีอะไรที่ดีกว่าคนอื่นอย่าง
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความพากเพียรหรือว่ามันสมองอันปราดเปรื่อง แล้วเราล่ะ อยากเป็น
อย่างพวกเขาบ้างหรือเปล่า


     การก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงระัดับโลกได้นั้น แน่นอนว่าจะต้องมีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง แม้ว่า
เราจะไม่สามารถจะเป็นได้อย่างไอน์สไตน์หรือว่าคนอื่น ๆ แต่เราก็สามารถมีความเป็น
อัจฉริยะ และสามารถแสดงให้เห็นได้ในแวดวงและคนรอบข้างของเรา โดยมีข้อแนะนำ
ดังนี้

     1     ความเพียรที่ได้ผล ถ้าเราได้ลองอ่านประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จจะเห็น
ได้ว่า เขาทั้งหลายมีความพากเพียรพยายามไม่ท้อต่ออุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซ้ำพยายาม
มากขึ้นหากยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แน่นอนว่าการพยายามทำอะไรอย่างหนัก จะทำให้
เราได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ และสามารถแสดงความสามารถของเราออกมาได้อย่าง
ไม่ต้องกลัวเกรงได้เหมือนกัน

ิ     2     คิดและทำ เคยเจอคนประเภทชอบพูดแต่ไม่ชอบทำไหมแน่นอนว่ามีมากในสังคม
ของเรา พูดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอถึงเวลากลับไม่ยอมทำอะไรสักอย่ง บุคคลที่มีความ
เป็นอัจฉริยะอยู่ในตัวหรือคนที่อยากจะเป็น จะต้องคิดและลงมือทำเพื่อให้เกิดผล ไม่ว่า
คิดอะไรต้องลองดู เพื่อที่จะได้รู้แจ้งเห็นจริง และเกิดความเชี่ยวชาญต่อการลองผิดลอง
ถูำกนั้น ๆ

     3     อัจฉริยะฝึกฝนกันได้ อย่าไปคิดว่าของอย่างนี้มีมาตั้งแต่กำเนิด เราไม่สามารถทำ
ได้ มีนักวิทยาศาสตร์ นักคิด นักเขียนหลายคนที่เคยล้มเหลว ล้มลุกคลุกคลานมาโดย
ตลอด แต่ในท้ายที่สุดเขาเหล่านั้นก็ประสบความสำเร็จ ความเป็นอัจฉริยะของบางคน ก็ใช่
ว่าจะมีมาตั้งแต่กำเนิด แต่พวกเขาได้ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอ จน
กระทั่งพวกเขาประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม

     4     สร้างสิ่งที่เพ้อฝันให้เป็นจริง หากเราคิดแล้ว ไม่ใช่แค่เพ้อมองอย่างเดียว แล้วไม่
ลงมือทำอย่างที่คิด เพราะการที่คิดเพ้ออย่างเดียวก็ไม่ต่างอะไรกับการนอนหลับ แล้วฝัน
ไปวัน ๆ คนที่เป็นอัจฉริยะ แน่นอนว่าเขาจะต้องมีจินตนาการสูง และคนเหล่านั้นก็สามารถ
จับจินตนาการเหล่านั้นให้กลายเป็นของจริง อย่างโทมัส เอดิสัน เขาสามารถผลิตหลอดไฟ
ได้ืทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าตามบ้าน หรือจะเป็นเกรมเบลล์ที่สามารถผลิตโทรศัพท์
ได้สำเร็จ

     ความเป็นอัจฉริยะนั้นเราสามารถฝึกฝนได้ แม้ว่าจะไม่สามารถมีชื่อเสียงก้องโลกได้
แต่ความเป็นอัจฉริยะของเราจะฉายแววเด่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ทำงานร่วมกับผู้อื่น