10/20/10

ใครเป็นโรคเกลียด วันจันทร์ อ่านตรงนี้


เรื่องจาก:หนังสือcleo
อยากให้ทุกวันเป็นคืนวันศุกร์จะได้หยุดบ่อย ๆ อย่างงั้นเหรอ? ถ้ารู้สึกแบบนี้ทั้งอาทิตย์ละก็ คุณแย่แน่ พกคู่มือคิดบวกต่อไปนี้ติดตัวไปออฟฟิศด้วยดีกว่านะ

เรื่องบางเรื่องในชีวิตก็ไม่ได้ยุติธรรมไปซะทุกอย่างหรอก ผู้หญิงบางคนก็งั้น ๆ ทำไมได้แฟนหล่อ นิสัยดี วันทำงานทำไมมีตั้ง 5วัน ส่วนวันหยุดมีแค่ 2วันเอง ถึงเราจะแก้ไขให้เราหน้าตาดี หรือมีแฟนหน้าตาดีไม่ได้ แต่เราสร้างสถานการณ์ให้สนุกได้เหมือนวันหยุดทุก ๆ วัน แม้วันทำงาน โดยที่คุณเริ่มได้ ที่ตัวคุณเอง
     เริ่มแรก  ให้จำไว้ว่าทำไมคุณถึงเลือกทำงานนี้ในตอนแรก และคุณตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนี้ หรือได้ทำงานกับคนเหล่านี้ นอกจากนี้ แทนที่จะปล่อยให้บรรยากาศการทำงานควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ก็ให้ตั้งใจแน่วแน่ก่อนเริ่มทำงานว่าคุณจะสดชื่นร่าเริง และทำงานงานอย่างกระตือรือล้นแบบเดียวกับเวลาที่คุณช๊อปปิ้ง สรุปง่าย ๆ คือเราเปลี่ยนงานไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนวิธีทำงานของเราได้นั่นเอง
     โรบิน เซียเกอร์ ผู้เขียน You Can Change Your Life Any Time You Want บอกว่า ทัศนะของเรามีผลต่อวิธีคิด และวิธีคิดก็มีผลต่อพฤติกรรม ซึ่งพฤติกรรมนั้นก็จะกำหนดสมรรถนะการทำงานของเราเองผลก็คือสมรรถนะการทำงานนั้นจะกำหนดความสำเร็จของเราในที่สุด เมื่อความสำเร็จหมายถึง การมีความรู้สึกคึกคักเหมือนคืนวันศุกร์ตลอดทั้งสัปดาห์ ก็คุ้มนะกับการพยายามคิดบวกมากขึ้นเล็กน้อย เซียเกอร์ว่า 80% ของทักษะที่เราต้องการเพื่อประสบความสำเร็จนั้นคือ ทัศนะคติ เพราะทัศนคติคือ สติที่เราเลือกจะมีได้ เราจึงสามารถควบคุมมันเอง เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่คุณต้องการให้เกิด ขึ้นอยู่กับตัวคุณ
             ถ้า…อยากสนุก
สาเหตุสำคัญที่สุดทีทำให้คุณหมดสนุกทันทีที่ตื่นนอนเช่าวันจันทร์ คือ ความเชื่อที่ว่างานเป็นเรื่องเคร่งเครียด จริง ๆ แล้ว ถ้าคุณคิดว่างานเป็นเรื่องสนุก คุณจะมีความสุข สนุกสนาน คุณก็จะหาวิธีทำให้งานสนุกเองนั่นล่ะ
          ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไงให้ดูหลานวัยอนุบาลเป็นตัวอย่างทุกวันไปโรงเรียนของเด็กวัยอนุบาลคือ วันไปเล่นกับเพื่อนสนุกสนาน ได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ทุกวัน ลองเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกเมื่อนึกถึงการทำงาน แล้วคุณจะมีความสุขขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นและประสบความสำเร็จกว่าเดิมในที่คุณ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติเท่านั้นเอง ทันทีที่คุณเริ่มรู้สึกแย่เกี่ยวกับงาน ให้รีบปัดออกจากความคิด และพยายามคิดถึงสิ่งดี ๆ เช่น ครั้งล่าสุด ที่คุณหัวเราะเต็มที่ในที่ทำงาน ถ้าทำได้แบบนี้ รับรองว่าคุณจะเพลิดเพลินกับงานที่ทำอยู่
             ถ้า…อยากเจอเพื่อน
เช่นเดียวกับครอบครัว เราเลือกไม่ได้หรอกว่าจะได้ทำงานกับใคร และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสนิทสนมกับทุกคนในที่ทำงาน แต่ถ้าคุณอยากมีความสุขกับงานที่ทำก็ต้องผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงานบางคน ทำไมไม่ลองเริ่มที่กินมื้อเที่ยงด้วยกันล่ะ? เท่าทีต้องทำก็แค่โทรนัดรวมกลุ่มสักสี่ห้าคน โทร จองโต๊ะที่ร้านอาหารคุณจะได้คะแนนในสายตาเจ้านานอีกด้วยนะ เพราะเขาจะรู้สึกว่าคุณมีมนุษยสัมพันธุ์ที่ดี และเขาเห็นว่าคุณเป็นคนสร้างไมตรีกับคนอื่น
              ถ้า…อยากขี้เกียจสักวัน
แย่ที่สุดที่จะดึงให้ขยันทำงาน ในวันที่คุณรู้สึกขี้เกียจที่สุด แต่จะง่ายขึ้นถ้าคุณมีแรงจูงใจ งานวิจัยพบว่า เราจะมีแรงจูงใจทำงานมากขึ้นถ้าอยากได้รับคำชม ไม่ใช่เพราะเงิน เซียเกอร์แนะนำว่า ถ้าไม่มีใครเคยให้เครคิตคุณหรือชื่นชมคุณเลยก็ทำซะเอง ให้รางวัลตัวเองเมื่อคุณทำงานเสร็จสักชิ้น เช่นหลังจากคุยโทรศัพท์เรื่องน่าปวดหัวจบไปสองสาย คุณก็ให้รางวัลตัวเองด้วยการโทร หาเพื่อนเพื่อเมาส์กันสั้น ๆ การคิดถึงภาพรวมก็ช่วยได้ เมื่อคุณรู้แล้วว่างานกระจุกกระจิกเหล่านี้คือ ส่วนหนึ่งของการได้เลื่อนตำแหน่งคุณก็จะมีแรงจูงใจกว่าเดิม แล้วงานถ่ายเอกสารก็จะไม่เลวร้ายซะทีเดียว
               1192388720                1192388720                1192388720
                 ถ้า…อยากแต่งตัวสวย
ก็ใส่ไปเลยสิ อย่าได้แคร์! กรอบระเบียบหรือยูนิฟอร์ม ทำให้ติดนิสัยใส่ เครื่องแบบไปทำงาน หรือ ถ้าคุณมีเครื่องแบบจริง ๆ ที่ต้องใส่ก็หาวิธีสร้างสีสันให้กับตัวเอง เช่น เตรียมรองเท้าคู่สวยไว้ที่โต๊ะทำงาน หรือแต่งผมเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย การเติมแต่งง่าย ๆ อาจทำให้ความรู้สึกแตกต่างได้มาก และไม่ทำให้เจ้านายขวางหูขวางตาด้วย ลองใส่ตุ้มหูแปลก ๆ หรือใช้ผ้าพันคอสวย ๆ เพื่อทำให้เชิ้ตเรียบ ๆ สดใสขึ้นมา
                   ถ้า…คุณอยากได้ความรักและเอาใจใส่
เวลาที่คุณเจอปัญหา คุณต้องการคำปลอบใจจากใครสักคน แต่น่าเสียดายที่คุณพาแม่และเพื่อนสนิทไปนั่งทำงานด้วยไม่ได้ แต่คุณสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่ผู้คนใส่ใจและเข้าใจกันและกันได้ คุณจะได้รับสิ่งที่คุณมอบให้ ดังนั้นถามตัวเองว่าคุณช่างนินทาหรือเปล่า ร่าเริงหรือเปล่า หรือเป็นคนไม่ใส่ใจใคร แล้วค่อยตัดสินใจว่าคุณอยากเป็นแบบไหนถึงจะสร้างบรรยากาศที่เหมือนบ้านได้มากขึ้น ปฏิบัติกับคนอื่นแบบที่คุณอยากให้เขาปฏิบัติกับคุณ แล้วคุณจะเริ่มรู้สึกดีขึ้น และพยายามเป็นมิตรกับคนอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้คิดว่าเพื่อนร่วมงานคือเพื่อนมาก่อน
                 ถ้า…อยากกำหนดตารางเวลาเอง
หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของวันหยุดสุดสัปดาห์คืออิสระที่จะทำสิ่งที่เราต้องการในเวลาที่เราต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าเราวางแผนวันทำงานแบบเดียวกับวันหยุดไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมวันทำงานได้หลายวิธี ปรึกษาเจ้านานเพื่อหาวิธีกำหนดจังหวะการทำงาน และลำดับงานของคุณเอง ด้วยการเข้าใจตรงกันว่าคุณจะทำงานสำเร็จต่อวัน ด้วยวิธีนี้ คุณจะทำงานจริงจังได้มากขึ้นในช่วงครึ่งวันแรก และผ่อนคลายกับงานที่สนุกกว่าเดิมในช่วงครึ่งวันหลัง
               ถ้า…อยากอยู่กับแฟนมากขึ้น
ในกรณีนี้ คุณก็ต้องตั้งนาฬิกาปลุกแล้วล่ะ เพราะคุณอยากได้เวลา 4 ชั่วโมงเหมือนเช้าวันเสาร์ มันก็มีเรื่องของการได้นอนน้อยลงล่ะนะ แต่เซ็กส์แบบรวบรัดระหว่างวันและอาหารเช้าบนเตียงก็น่าจะคุ้มถึงคุณจะห่วงเรื่องงานอย่างที่สุด แต่ก็จะสบายใจเป็นปลิดทิ้งเมื่อมีช่วงเช้าแสนสดชื่นด้วยกัน ส่งข้อความ โทรศัพท์ และอีเมล์คือ วิธีง่ายๆ ที่คุณจะติดต่อเขาได้ระหว่างวัน ขอแนะนำว่ากลับถึงบ้านอาบน้ำทันที จะได้หลุดจากบรรยากาศการทำงานเป็นชีวิตสบาย ๆในบ้านทันที

10/14/10

นำผู้ป่วยโคม่า สู่ความสงบ


เรื่องจาก Secret:Joyful Life&Peaceful Death
เราควรปฏิบัติอย่างไรกับผู้ป่วยโคม่า ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าผู้ป่วยโคม่า
นั้นไม่สามารถรับรู้อะไรได้ เพราะไม่มีอาการตอบสนองใดๆ เลยจึงมักปฏิบัติ
กับเขาเหมือนกับคนที่สลบไสลไร้สมปฤดี
แต่การรับรู้ของคนเรานั้นซับซ้อนกว่าที่เข้าใจกัน มีตัวอย่างมากมายที่ชี้ว่า
ผู้ป่วยโคม่าซึ่งดูเหมือนหมดสตินั้นยังสามารถได้ยินเสียงจากญาติหรือผู้ที่
อยู่รอบเตียงได้ แม้จะไม่ตลอดเวลาก็ตาม
คุณยายวัยเจ็บสิบหัวใจหยุดเต้น แต่หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือจนหัวใจ
เต้นใหม่ ก็นอนแน่นิ่งไม่ตอบสนองใด ๆนานนับเดือน ระหว่างนั้นมีญาติมิตร
มาเยี่ยมมากมาย ใครต่อใครก็บอกคุณยายว่า หายไว ๆ แล้วกลับบ้านนะ
แต่คุณยายไม่แสดงอาการรับรู้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ลูกชายที่เฝ้าไข้
สังเกตว่า เวลาพลิกตัวแม่ จะมีน้ำตาไหลออกมาเหมือนกับว่าแม่รู้สึกเจ็บ
วันหนึ่งจึงพูดกับแม่ว่า แม่เหนื่อยไหม ทรมานไหม ถ้าแม่เหนื่อย แม่ทรมาน
จะไปก็ได้นะ ไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นก็ชวนแม่สวดมนต์ทำสมาธิ พอทำไปได้
แค่ 5นาที ความดันของคุณยายก็ตกจนเหลือศูนย์ แล้วก็จากไปอย่างสงบ
     กรณีนี้ไม่เพียงชี้ว่าผู้ป่วยโคม่าสามารถได้ยินเสียงคนรอบข้างเท่านั้น
หากยังย้ำให้เราพึงตระหนักว่า คำพูดของญาติพี่น้องหรือหมอพยาบาลมีความ
สำคัญมากต่อผู้ป่วย ยิ่งผู้ป่วยระยะสุดท้ายซึ่งหมดหวังที่จะรักษาแล้ว การพูด
ให้เขาปล่อยวางเพื่อจากไปอย่างสงบ น่าจะดีกว่าการพูดเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ เพราะการพูดอย่างหลังนั้นอาจทำให้เขาพยายามยื้อสู้กับความตายด้วยความรู้สึกห่วงใยผู้ที่ยังอยู่หรือรู้สึกผิดที่จะต้องตาย ซึ่งมีแต่จะทำให้เขาทุกข์มากขึ้น
      หมอผู้หนึ่งบินกลับจากอเมริกาทันทีที่รู้ว่าแม่ป่วยหนัก  แต่มาเยี่ยมแม่ได้
แค่ 2 วัน แม่ก็หัวใจหยุดเต้นจึงถูกปั๊มหัวใจอย่างเต็มที่ ผู้เป็นลูกทำใจไม่ได้ที่แม่จากไปกะทันหัน ถึงกับร่ำไห้ขณะเขย่าตัวแม่ แล้วพูดกับแม่ว่า แม่อย่าเพิ่งไป
แม่ทิ้งผมไปทำไม ผมอุตสาห์รีบกลับมาหาแม่ ทำไมแม่อยู่กับผมแค่สองวัน ผ่านไปสักพักแม่ก็ฟื้น เมื่อรู้สึกตัวก็พูดกับลูกว่า ทีหลังอย่าเรียกแม่กลับมาอีกนะ  แล้วแม่ก็เล่าว่า ตอนที่หัวใจหยุดเต้นนั้น รอบตัวมีแต่ความมืดมิด สักครู่ก็เห็นแสงสว่างอยู่ไกล ๆ ขณะที่กำลังลอยไปยังแสงสว่างจนเกือบจะถึงแล้ว ได้ยินเสียงลูกร้องไห้ รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก จึงตัดสินใจกลับมาเพื่อบอกลูกให้ปล่อยแม่ไปเถิด
          ไม่เพียงได้ยินเท่านั้น  ผู้ป่วยโคม่ายังสามารถเห็นสิ่งรอบตัวได้ด้วยแม้ดูเหมือนสลบไสลอยู่ก็ตาม มีชายผู้หนึ่งหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล พยาบาลก็ทำการกระตุ้นหัวใจอย่างเร่งด่วนพร้อมกับใส่ท่อช่วยหายใจ แต่เนื่องจากผู้ป่วยสวมฟันปลอม จึงต้องถอดก่อนที่จะใส่ท่อ หลังจากช่วยชีวิตไว้ได้ ผู้ป่วยได้พักฟื้นที่โรงพยาบาล หลายวันต่อมาชายผู้นี้เห็นพยาบาลคนหนึ่งเดินผ่านมาจึงทักและถามว่า คุณใช่ไหมที่ถอดฟันปลอมผม พยาบาลประหลาดมากว่าเขารู้ได้อย่างไร เพราะตอนนั้นเขาหมดสติอยู่
     มิใช่แต่ผู้ป่วยโคม่าเท่านั้น กระทั่งผู้ป่วยที่หมอวินิจฉัยว่ามีสภาพคล้ายผักก็มีหลักฐานว่าเขาสามารถรับรู้ได้ และไม่เพียงเขาจะได้ยินและสามารถคิดตามได้เท่านั้น หากยังรับรู้สัมผัสและความเจ็บปวดได้ด้วย
    ผู้ป่วยรายหนึ่งเส้นเลือดในสมองแตกทั้งสองข้างและหมดสติไปจากนั้นก็ไม่แสดงอาการตอบสนองอีกเลย หมอวินิจฉัยว่าเป็นผัก คือแน่นิ่งเหมือนเจ้าชายนิทรา แต่ต่อมาเขาได้รับการเยียวยารักษาจนสามารถฟื้นขึ้นมาได้ รวมทั้งได้รับการบำบัดจนมีชีวิตเหมือนคนปกติเขาเล่าถึงเหตุการ์ณตอนที่หมอพยายามวินิจฉัยว่าเขาเป็นผักหรือไม่ หมอบีบหัวแม่โป้งของเขาอย่างแรง ตอนนั้นเขาปวดมาก อยากตะโกน ให้หมอหยุดบีบแต่ก็พูดไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินหมอพูดกันเองว่า คนไข้คนนี้เป็นผักถาวร
        แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ผู้ป่วยโคม่าหรือผู้ที่มีสภาพคล้ายผักทุกคนสามารถได้ยิน เห็น หรือรับรู้สัมผัสทางกายได้ แต่ย่อมเป็นการดีกว่า หากเราปฏบัติต่อผู้ป่วยดังกล่าวเสมือนคนปกติที่สามารถรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวหรือกับตัวเอง นั่นคือ ปฏิบัติกับเขาด้วยความอ่อนโยน เวลาจะใส่ท่อ ฉีดยา ขยับตัวเขา ก็ควรบอกให้เขารู้ก่อน
     นอกจากการดูแลทางกายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือการบรรเทาความทุกข์ทางใจ ลูกหลานหรือฐาติมิตรควรพูดกับเขาด้วยความใส่ใจ แสดงความรักต่อเขาด้วยสัมผัสหรือน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่านหนังสือธรรมะหรือหนังสือเล่มโปรดให้เขาฟัง ชวนเขาสวดมนต์พร้อมกับเราหรือสวดมนต์ให้เขาฟัง ชวนเขาสวดมนต์พร้อมกับเราหรือสวดมนต์ให้เขาฟัง จะชวนเขาทำสมาธิด้วยการรับรู้ลมหายใจเข้า-ออก โดยบริกรรมว่า พุท-โธ ด้วยก็ได้
       หากผู้ป่วยอาการทรุดหนักจนมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ลูกหลานญาติมิตรควรน้อมใจให้เขานึกถึงสิ่งศักดิสิทธิ์หรือสิ่งดีงามที่เขานับถือพูดถึงความรักและความภาคภูมิใจที่เรามีต่อเขา ชวนเขาย้อนระลึกถึงความดีที่เขาเคยทำ ให้ความมั่นใจแก่เขาว่าทุกคนที่อยู่ข้างหลังจะอยู่ได้แม้ไม่มีเขา รวมทั้งแนะนำให้เขาปล่อยวางสิ่งทั้งปวง รวมทั้งสังขารร่างกายนี้
       มีผู้ป่วยอาการโคม่าหลายคนถึงกับพนมมือเมื่อได้ยินเรื่องการทำบุญใส่บาตร บางคนหายกระสับกระส่าย มีอาการนิ่งสงบ แต่ถึงแม้เขาจะไม่แสดงอาการตอบสนองใด ๆ ก็มิได้พึงคิดว่าเขาไม่รับรู้ ในยามนั้นเขาอาจมีปีติ อิ่มเอิบ ปล่องวาง และพร้อมจะจากไปได้
      การปฏิบัติกับผู้ป่วยโคม่าด้วยการมอบสิ่งดีที่สุดทางจิตใจให้แก่เขานอกจากจะดีกับผู้ป่วยแล้ว ยังดีต่อผู้ปฏิบัติด้วยเพราะช่วยให้ใจสงบ เป็นบุญ และคลายจากความเศร้าโศกเสียใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งลูกหลานหรือญาติมิตรก็ได้รับการเยียวยาทางจิตใจด้วย

10/3/10

The Dogs 10 Commandments กฏทองของน้องหมา


DSCF7339 อยากให้คนที่คิดว่าจะเลี้ยงหมา หรือมีหมาอยู่แล้วแต่อาจจะหลงลืม
ไปบ้างว่าหมาก็มีหัวใจดวงน้อย ๆ ที่มีความคิด มีความรู้สึก
มีความรักให้แก่คนที่เป็นเจ้าของประดุจเจ้าชีวิตของมัน
อ่านก่อนที่จะตัดสินใจทอดทิ้งมันหรือตัดสินใจนำมันมาเลี้ยง
เพราะว่ามันจะฝากชีวิตเอาไว้กับเราจนชั่วชีวิตของมัน

“กฎทองของหมา" ( The Dogs 10 Commandments )
โดย... Fitzsimmons Army Medical Center
( 1 ) ชีวิตของฉันอย่างมาก
ก็จะสิ้นสุดเพียงแค่ 10-15 ปีเท่านั้น
การต้องแยกจากเธอไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ
นับเป็นความปวดร้าวอย่างยิ่งของฉัน
จึงโปรดสังวรให้จงหนัก..ก่อนจะรับฉันเข้ามาในชีวิต
( 2 ) ให้เวลากับฉันสักหน่อย
เพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจน
ว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน
( 3 ) จงเชื่อมั่นในตัวฉัน
เพราะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับความเป็นอยู่ของฉัน
( 4 ) อย่าโกรธฉันให้นานนัก
และอย่าลงโทษฉันด้วยการกักขัง
เธอมีทั้งหน้าที่การงาน ความบันเทิง
และมิตรสหาย แต่ฉันนั้น...มีเพียงเธอ
( 5 ) พูดกับฉันบ้าง
แม้ฉันจะไม่เข้าใจคำพูด
แต่ฉันก็เข้าใจเธอได้จากน้ำเสียง
( 6 ) พึงระลึกอยู่เสมอว่า...
ไม่ว่าเธอจะปฏิบัติอย่างไรต่อฉัน
ฉันจะไม่มีวันลืมเลือนเลย
( 7 ) โปรดอย่าทุบตีฉัน
เพราะแม้ฉันจะทุบตีเธอกลับไม่ได้
แต่ฉันก็สามารถกัดหรือข่วนตะกุยเธอได้
ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากกระทำเลย
( 8 ) ก่อนจะดุด่าฉันสำหรับท่าทีที่คล้ายไม่เชื่อฟัง
ดื้อดึง เกียจคร้าน ขอจงได้ถามตัวเธอเองก่อนว่า
เกิดสิ่งผิดปกติกับตัวฉันหรือไม่
บางทีอาจจะมาจากเรื่องของอาหาร
หรือถูกทิ้งไว้กลางแดดนานเกินไป
หรือหัวใจของฉันแก่ชราและอ่อนล้าเสียแล้ว
( 9 ) ดูแลฉันเมื่อยามแก่เฒ่าด้วย
เพราะวันหนึ่งเธอก็ต้องเป็นเช่นนั้น
( 10 ) อยู่กับฉันเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง
ขออย่าได้พูดเป็นอันขาดว่า "ฉันทนดูไม่ได้
ขออย่าให้มันเกิดขึ้นต่อหน้าเลย"
เพราะเรื่องราวทั้งหมดจะง่ายขึ้นหาก...เธออยู่ด้วย
สุดท้ายที่สุด...โปรดรำลึกเสมอว่า "ฉันรักเธอ"

รู้ว่าควรทำ แต่ก็ทำไม่ได้


ภาพจาก:seclub.com
เคยบ้างไหมเวลาเกิดปัญหาในชีวิต  มันจะมีเสียงของเหตุผลบอกเราว่า
เราต้องแก้ปัญหาอย่างนี้สิ ทำอย่างนี้สิ แต่สิ่งที่เราทำลงไปจริง ๆ
กลับกลายเป็นทำตามกำลังของอารมณ์ในขณะนั้น ซึ่งเราก็รู้ว่า
มันไม่ได้ช่วยให้เหตุการ์ณดีขึ้นซ้ำอาจเลวร้ายลงไป หรือมากที่สุด
คือไม่สามารถแก้ไขให้กลับไปดีดังเดิมได้อีกเลย แต่เราก็ยังทำไม่ได้
และกับคนที่เราร่วมชีวิตด้วยที่เขาก็มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนเรา
และถ้าเขาจะทำไม่ได้เหมือนกัน มันก็คงไม่แปลก แต่สิ่งที่ได้รับผล
กระทบแห่งอารมณ์นั้นบางครั้งมันเป็นเพียงสิ่งของที่มีเงินก็ซื้อใหม่ได้
แต่ถ้าสิ่งนั้นมันมีชีวิตจิตใจ การกระทำนั้นมันคงยากที่จะลบเลือนไปจากใจ
ดวงนั้นได้ ถ้าอย่างนั้นเราต้องหยุดที่ตรงไหนล่ะเหตุการ์ณมันถึงจะ
ไม่ทำร้ายความรู้สึกของทุกฝ่าย เราพูดว่าเราไม่อยากเจอเหตุการ์ณ
นั้นอีกแล้ว แต่เราห้ามเขาได้หรือ ในเมื่อเรายังห้ามตัวเองไม่ได้ หรือจริง ๆ
แล้วเราต้องหยุดไว้ที่ตัวเราเองก่อน