10/14/10

นำผู้ป่วยโคม่า สู่ความสงบ


เรื่องจาก Secret:Joyful Life&Peaceful Death
เราควรปฏิบัติอย่างไรกับผู้ป่วยโคม่า ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าผู้ป่วยโคม่า
นั้นไม่สามารถรับรู้อะไรได้ เพราะไม่มีอาการตอบสนองใดๆ เลยจึงมักปฏิบัติ
กับเขาเหมือนกับคนที่สลบไสลไร้สมปฤดี
แต่การรับรู้ของคนเรานั้นซับซ้อนกว่าที่เข้าใจกัน มีตัวอย่างมากมายที่ชี้ว่า
ผู้ป่วยโคม่าซึ่งดูเหมือนหมดสตินั้นยังสามารถได้ยินเสียงจากญาติหรือผู้ที่
อยู่รอบเตียงได้ แม้จะไม่ตลอดเวลาก็ตาม
คุณยายวัยเจ็บสิบหัวใจหยุดเต้น แต่หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือจนหัวใจ
เต้นใหม่ ก็นอนแน่นิ่งไม่ตอบสนองใด ๆนานนับเดือน ระหว่างนั้นมีญาติมิตร
มาเยี่ยมมากมาย ใครต่อใครก็บอกคุณยายว่า หายไว ๆ แล้วกลับบ้านนะ
แต่คุณยายไม่แสดงอาการรับรู้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ลูกชายที่เฝ้าไข้
สังเกตว่า เวลาพลิกตัวแม่ จะมีน้ำตาไหลออกมาเหมือนกับว่าแม่รู้สึกเจ็บ
วันหนึ่งจึงพูดกับแม่ว่า แม่เหนื่อยไหม ทรมานไหม ถ้าแม่เหนื่อย แม่ทรมาน
จะไปก็ได้นะ ไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นก็ชวนแม่สวดมนต์ทำสมาธิ พอทำไปได้
แค่ 5นาที ความดันของคุณยายก็ตกจนเหลือศูนย์ แล้วก็จากไปอย่างสงบ
     กรณีนี้ไม่เพียงชี้ว่าผู้ป่วยโคม่าสามารถได้ยินเสียงคนรอบข้างเท่านั้น
หากยังย้ำให้เราพึงตระหนักว่า คำพูดของญาติพี่น้องหรือหมอพยาบาลมีความ
สำคัญมากต่อผู้ป่วย ยิ่งผู้ป่วยระยะสุดท้ายซึ่งหมดหวังที่จะรักษาแล้ว การพูด
ให้เขาปล่อยวางเพื่อจากไปอย่างสงบ น่าจะดีกว่าการพูดเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ เพราะการพูดอย่างหลังนั้นอาจทำให้เขาพยายามยื้อสู้กับความตายด้วยความรู้สึกห่วงใยผู้ที่ยังอยู่หรือรู้สึกผิดที่จะต้องตาย ซึ่งมีแต่จะทำให้เขาทุกข์มากขึ้น
      หมอผู้หนึ่งบินกลับจากอเมริกาทันทีที่รู้ว่าแม่ป่วยหนัก  แต่มาเยี่ยมแม่ได้
แค่ 2 วัน แม่ก็หัวใจหยุดเต้นจึงถูกปั๊มหัวใจอย่างเต็มที่ ผู้เป็นลูกทำใจไม่ได้ที่แม่จากไปกะทันหัน ถึงกับร่ำไห้ขณะเขย่าตัวแม่ แล้วพูดกับแม่ว่า แม่อย่าเพิ่งไป
แม่ทิ้งผมไปทำไม ผมอุตสาห์รีบกลับมาหาแม่ ทำไมแม่อยู่กับผมแค่สองวัน ผ่านไปสักพักแม่ก็ฟื้น เมื่อรู้สึกตัวก็พูดกับลูกว่า ทีหลังอย่าเรียกแม่กลับมาอีกนะ  แล้วแม่ก็เล่าว่า ตอนที่หัวใจหยุดเต้นนั้น รอบตัวมีแต่ความมืดมิด สักครู่ก็เห็นแสงสว่างอยู่ไกล ๆ ขณะที่กำลังลอยไปยังแสงสว่างจนเกือบจะถึงแล้ว ได้ยินเสียงลูกร้องไห้ รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก จึงตัดสินใจกลับมาเพื่อบอกลูกให้ปล่อยแม่ไปเถิด
          ไม่เพียงได้ยินเท่านั้น  ผู้ป่วยโคม่ายังสามารถเห็นสิ่งรอบตัวได้ด้วยแม้ดูเหมือนสลบไสลอยู่ก็ตาม มีชายผู้หนึ่งหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล พยาบาลก็ทำการกระตุ้นหัวใจอย่างเร่งด่วนพร้อมกับใส่ท่อช่วยหายใจ แต่เนื่องจากผู้ป่วยสวมฟันปลอม จึงต้องถอดก่อนที่จะใส่ท่อ หลังจากช่วยชีวิตไว้ได้ ผู้ป่วยได้พักฟื้นที่โรงพยาบาล หลายวันต่อมาชายผู้นี้เห็นพยาบาลคนหนึ่งเดินผ่านมาจึงทักและถามว่า คุณใช่ไหมที่ถอดฟันปลอมผม พยาบาลประหลาดมากว่าเขารู้ได้อย่างไร เพราะตอนนั้นเขาหมดสติอยู่
     มิใช่แต่ผู้ป่วยโคม่าเท่านั้น กระทั่งผู้ป่วยที่หมอวินิจฉัยว่ามีสภาพคล้ายผักก็มีหลักฐานว่าเขาสามารถรับรู้ได้ และไม่เพียงเขาจะได้ยินและสามารถคิดตามได้เท่านั้น หากยังรับรู้สัมผัสและความเจ็บปวดได้ด้วย
    ผู้ป่วยรายหนึ่งเส้นเลือดในสมองแตกทั้งสองข้างและหมดสติไปจากนั้นก็ไม่แสดงอาการตอบสนองอีกเลย หมอวินิจฉัยว่าเป็นผัก คือแน่นิ่งเหมือนเจ้าชายนิทรา แต่ต่อมาเขาได้รับการเยียวยารักษาจนสามารถฟื้นขึ้นมาได้ รวมทั้งได้รับการบำบัดจนมีชีวิตเหมือนคนปกติเขาเล่าถึงเหตุการ์ณตอนที่หมอพยายามวินิจฉัยว่าเขาเป็นผักหรือไม่ หมอบีบหัวแม่โป้งของเขาอย่างแรง ตอนนั้นเขาปวดมาก อยากตะโกน ให้หมอหยุดบีบแต่ก็พูดไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินหมอพูดกันเองว่า คนไข้คนนี้เป็นผักถาวร
        แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ผู้ป่วยโคม่าหรือผู้ที่มีสภาพคล้ายผักทุกคนสามารถได้ยิน เห็น หรือรับรู้สัมผัสทางกายได้ แต่ย่อมเป็นการดีกว่า หากเราปฏบัติต่อผู้ป่วยดังกล่าวเสมือนคนปกติที่สามารถรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวหรือกับตัวเอง นั่นคือ ปฏิบัติกับเขาด้วยความอ่อนโยน เวลาจะใส่ท่อ ฉีดยา ขยับตัวเขา ก็ควรบอกให้เขารู้ก่อน
     นอกจากการดูแลทางกายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือการบรรเทาความทุกข์ทางใจ ลูกหลานหรือฐาติมิตรควรพูดกับเขาด้วยความใส่ใจ แสดงความรักต่อเขาด้วยสัมผัสหรือน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่านหนังสือธรรมะหรือหนังสือเล่มโปรดให้เขาฟัง ชวนเขาสวดมนต์พร้อมกับเราหรือสวดมนต์ให้เขาฟัง ชวนเขาสวดมนต์พร้อมกับเราหรือสวดมนต์ให้เขาฟัง จะชวนเขาทำสมาธิด้วยการรับรู้ลมหายใจเข้า-ออก โดยบริกรรมว่า พุท-โธ ด้วยก็ได้
       หากผู้ป่วยอาการทรุดหนักจนมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ลูกหลานญาติมิตรควรน้อมใจให้เขานึกถึงสิ่งศักดิสิทธิ์หรือสิ่งดีงามที่เขานับถือพูดถึงความรักและความภาคภูมิใจที่เรามีต่อเขา ชวนเขาย้อนระลึกถึงความดีที่เขาเคยทำ ให้ความมั่นใจแก่เขาว่าทุกคนที่อยู่ข้างหลังจะอยู่ได้แม้ไม่มีเขา รวมทั้งแนะนำให้เขาปล่อยวางสิ่งทั้งปวง รวมทั้งสังขารร่างกายนี้
       มีผู้ป่วยอาการโคม่าหลายคนถึงกับพนมมือเมื่อได้ยินเรื่องการทำบุญใส่บาตร บางคนหายกระสับกระส่าย มีอาการนิ่งสงบ แต่ถึงแม้เขาจะไม่แสดงอาการตอบสนองใด ๆ ก็มิได้พึงคิดว่าเขาไม่รับรู้ ในยามนั้นเขาอาจมีปีติ อิ่มเอิบ ปล่องวาง และพร้อมจะจากไปได้
      การปฏิบัติกับผู้ป่วยโคม่าด้วยการมอบสิ่งดีที่สุดทางจิตใจให้แก่เขานอกจากจะดีกับผู้ป่วยแล้ว ยังดีต่อผู้ปฏิบัติด้วยเพราะช่วยให้ใจสงบ เป็นบุญ และคลายจากความเศร้าโศกเสียใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งลูกหลานหรือญาติมิตรก็ได้รับการเยียวยาทางจิตใจด้วย