9/8/10

INCARNATION เกิดใหม่ในชาตินี้(ตอน1)

เป็นหนังสือจากนักเขียนที่ชื่นชอบอีกท่านนึงที่ติดตามผลงานมาก็หลายเล่มแล้ว
ผู้เขียนคือคุณวิศิษฐ์ ศรีพิบูลย์ ลองมาอ่านบางตอนที่น่าสนใจดูค่ะ
Book-Magazine-46375ขั้นตอนที่10   จงเป็นนกฟินิกซ์ (Phoenix)
     ในโลกนี้มีคนอยู่สองประเภทเท่านั้น คือคนที่ประสบความสำเร็จและคนล้มเหลว
ไม่มีคนประเภทระหว่างกลางที่ก้ำกึ่งให้คุณเลือกเป็น หากคุณไม่อยู่ในเส้นทางที่มุ่ง
ไปหาความสุขและความสำเร็จ นั่นหมายความว่าคุณกำลังมุ่งไปสู่ทิศทางที่ตรงกันข้าม
ผลก็คือเมื่อเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า คุณจะวนกลับมาที่เดิมแล้วนั่งถามตัวเองว่าทำไม
เป้าหมายที่ใฝ่ฝันมันช่างห่างไกลเหลือเกิน เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะคุณไม่เคยตัดสินใจที่จะ
เลือกเป็นคนใหม่และไม่เคยเปลี่ยนเส้นทางเดิน เพื่อจะมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริง
เลยสักครั้ง
     ทันทีที่คุณใช้วงจรชีวิตแบบเดิม ทำทุกอย่างเหมือนเดิม อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม
และยังคบคนกลุ่มเดิม ๆ คุณจะไม่มีวันเป็นคนใหม่ได้เลย
     หากคุณใช้เวลานอนเท่าเดิม กินอาหารแบบเดิม อ่านหนังสือแนวเดิม และไม่เคยลง
มือทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ต่างออกไป โอกาสที่จะเกิดเป็นคนใหม่ในชาตินี้ก็จะยังมาไม่ถึง
     แต่การพบกับหนทางใหม่ที่สดใสอย่างฉับพลันก็มิใช่เป็นเรื่องเหลือเชื่ออีกต่อไป
เพียงแค่คุณทำตัวเป็นนกฟินิกซ์
     นกฟินิกซ์เป็นสัตว์ในตำนานตามเทพนิยายอียิปต์โบราณและเชื่อต่อกันมาจนถึงสมัย
กรีก ว่ากันว่าเป็นสัญลักษณ์ของการจุติใหม่เป็นนกที่มีวงจรชีวิตยาวนานถึง 500 ปี
และเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต นกฟินิกซ์จะก่อกองไฟขึ้นเผาตนเองเพื่อกำเนิดเป็น
นกฟินิกซ์ตัวใหม่ที่เยาว์วัยจากกองถ่านขี้เถ้าและจากนั้นก็จะมีชีวิตต่อไปอีก 500ปี
วนเวียนตลอดไปอยู่อย่างนี้จนเป็นอมตะ
     นกฟินิกซ์มีลักษณะคล้ายนกอินทรี นัยน์ตาสีฟ้าเปล่งประกายเจิดจ้าราวประกาย
แสงอาทิตย์ มีจงอยปากแหลมกว่านกอินทรีย์ ขนสีทองทั้งตัว บริเวณคอมีสีแดงสลับ
ม่วง มีเกล็ดสีทองวับวาวตามหน้าแข้งเล็บสีแดงบานคล้ายกลีบกุหลาบ
     การมีชีวิตยืนยาวเยี่ยงนกฟินิกซ์รวมถึงการเผาตัวเองเพื่อเกิดใหม่ ทำให้ชาวกรีก
และชาวโรมันนำภาพนกฟินิกซ์มาเป็นสัญลักษ์ของความเป็นอมตะและชัยชนะเหนือ
ความตาย
     นี่เองเป็นที่มาของวิธีการหลอมละลายตัวตนคนเดิมแล้วหล่อรูปกายสร้างจิตวิญญาณ
ใหม่ที่ศาสตร์เอ็นแอลพีทำกันมาจนโด่งดัง
     หลักการง่าย ๆ มีอยู่ว่า การที่คนเราไม่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เป็น
เพราะเราไม่เฝ้าสังเกตจิตใจและร่างกายอย่างถูกวิธี
     การกระทำของคนมีความคิดเป็นตัวนำ แต่ความคิดมีเกิดดับตลอดเวลา ขอย้ำอีกครั้ง
ว่า ในแต่ละวันเรามีความคิดหลักผุดขึ้นมาประมาณ 500 เรื่องที่ทำให้เราใช้เวลาคิดในแต่
ละเรื่องมากกว่า 2 วินาที ยกเว้นบางเรื่องที่เราเสียเวลากับมันทั้งวัน แต่แม้กระนั้น เรื่องที่
เราคิดอยู่ตลอดเวลา ก็ยังมีความคิดปลีกย่อยแทรกขึ้นมาอีก นี่ยังไม่นับความคิดเบ็ดเตล็ด
ผุดดับ ๆ อีกนับไม่ถ้วน ด้วยสภาพจิตใจแบบนี้ ทำให้คนเราขาดสมาธิ ไม่มีการจดจ่อ
และสิ่งที่ทำตรงหน้าก็จะไม่มีประสิทธิภาพ ในที่สุดทำให้พลังดึงดูดของเราก็ทำงานไม่เต็มที่
     ด้วยความคิดจำนวนมากที่เกิด ๆ ดับ ๆ เช่นนี้ ทำให้พลังแห้งการคิดของเราขาดการ
รวมศูนย์ ผลก็คือเราไม่สามารถจดจ่ออยู่กับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้เพียงพอ หมายความว่า
เราไม่สามารถรวมจิตให้มีพลังเหมือนลำแสงเลเซอร์
     ต้องไม่ลืมว่าลำแสงเลเซอร์คือกลุ่มพลังงานที่มีเครื่องมือชนิดพิเศษนำพลังแสงมา
รวมไว้ในที่เดียวกันจนบังคับทิศทางได้ ทำให้เกิดพลังงานเข้มข้น สามารถทะลุทะลวงโลหะ
ได้อย่างง่ายดาย   
 
        ตามอ่านตอนที่2 ด้วยนะจ๊ะ

9/2/10

จะป้องกันความหึงหวงได้อย่างไร

ที่มา : เรื่อง วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์/Secret

1. การเลี้ยงดูที่เหมาะสม
    สำหรับการป้องกันการหึงหวงในระยะยาวนั้นต้องเริ่มจากการเลี้ยงดู โดย
ให้เด็กมีพัฒนาการที่ถูกต้อง เหมาะสม เติบโตด้วยความรัก ความอบอุ่น 
สร้างความภาคภูมิใจในตัวเองให้ได้ ไม่ลงโทษอย่างรุนแรงจนทำให้เด็ก
เกิดความรู้สึกอ้างว้าง หวาดกลัว หรือหวาดผวา เช่น ข่มขู่ว่าจะไม่รัก จะเอา
ไปปล่อย หรือกักขังในห้องมืดหรือห้องแคบ ๆ เป็นต้น เพราะความรู้สึกดังกล่า
จะทำให้เด็กเติบโตอย่างขาดความภาคภูมิใจและขาดความมั่นคงทางจิตใจ
เมื่อมีคนรัก คู่ครอง อาจทำให้เป็นคนขี้หึงหวงได้

2. สร้างคุณค่าและพัฒนาตนเอง
    ควรสร้างคุณค่าให้ตัวเองด้วยการคิดดี ทำดี ขยันทำหน้าที่ที่รับผิดชอบให้
สำเร็จสมบูรณ์ มีมนุษย์สัมพันธ์ดี พูดจาไพเราะสุภาพ พัฒนาบุคลิกภาพด้วย
การแต่งกาย แต่งหน้า ทำผม นั่ง เดิน ยืน ให้สง่างาม รักษาความสะอาด
ของร่างกายให้ดูดี ไม่มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก ตลอดจนพยายามรู้จักคนรัก
หรือคู่ครองของเราให้ดีทุกด้าน เพื่อที่จะได้ปรับตัวอยู่ด้วยกัน รวมทั้งอาจ
ต้องเรียนรู้และปรับตัวต่อคู่ครองในเรื่องความชอบ รูปแบบ และวิธีการมี
เพศสัมพันธ์ที่ลงตัวต่อกันทั้งสองฝ่าย
    หากพัฒนาและสร้างคุณค่าให้ตัวเองได้ดังกล่าวแล้วก็จะนำไปสู่ความเชื่อ
มั่นว่าตัวเองมีคุณค่าพอที่จะครองใจคนรักคู่ครองได้ ส่งผลให้ลดความรู้สึก
หึงหวงได้เป็นอย่างดี

3. ปรับวิธีคิดและมองคู่รักคู่ครองแต่ด้านดี
    การปรับพฤติกรรมผู้อื่นนั้นอาจไม่ง่ายนัก เพราะเป็นสิ่งภายนอกและอยู่เหนือ
อำนาจการควบคุมของตัวเองแต่การปรับวิธีคิดและมุมมองของตัวเองนั้นเป็น
เรื่องภายใน แม้จะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ก็สามารถทำได้ เพราะอยู่ภายในตัวตน
ของเราเอง
    การมองคนรักคู่ครองในด้านดี คือ มองเห็นคุณค่า เห็นโอกาสเห็นความหวัง
เห็นความหมาย ในคนรักคู่ครองของเรา เช่นมองว่าคนรักคู่ครองของเราช่วยให้
เรามีสถานภาพทางสังคมดีขึ้น คนรักคู่ครองมีความหมายต่อชีวิตเราและลูก
ดังนั้นหากสงสัยว่าคนรักนอกใจ แต่ไม่มีหลักญานชัดเจนจับไม่ได้ ก็ให้มองใน
ด้านดีของเขาให้เจอ ค้นหาคุณค่าคุณงามความดีต่าง ๆที่เขามีต่อเราให้มาก ๆ
เพราะการมองเช่นนี้จะช่วยลดทอนความหึงหวงลงและรักษาความสัมพันธ์
ให้ยืนยาวได้

4. ลดพฤติกรรมที่อาจทำให้คนรักหึงหวงได้
    การลดพฤติกรรมที่อาจทำให้คนรักคู่ครองหึงหวงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ
คนที่มีคนรักขี้หึง กล่าวคือ จะต้องลดพฤติกรรมที่อาจทำให้ชวนสงสัย เช่น
กลับบ้านไม่ตรงเวลา หายไปโดยไม่บอกกล่าว ปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่
สามารถติดต่อได้ เวลาคุยโทรศัพท์แสดงท่าทีวิตกกังวลและเดินเลี่ยงไปพูด
ที่อื่น ไม่อาบน้ำก่อนเข้านอน โดยอ้างว่าอาบมาแล้วจากที่อื่น เป็นต้น เหล่านี้
ล้วนเป็นพฤติกรรมที่กระตุ้นให้คนรักคู่ครองแสดงความหึงหวงมากขึ้น
ทั้ง ๆ ที่ความจริงตัวเองอาจมิได้นอกใจคนรักคู่ครองเลย
    ความสม่ำเสมอและพฤติกรรมที่โปร่งใสจริงใจจะช่วยลดอาการหึงหวง
ของคนรักคู่ครองได้ไม่มากก็น้อย

5. คุยกับจิตแพทย์
    สาเหตุที่จะทำให้คนเราก็สึกหึงหวงมากคือ มีอาการป่วยด้วยโรคจิตเวช
ชนิดหวาดระแวง หรือโรคประสาทชนิดวิตกกังวล ซึ่งจะส่งผลให้เป็นคนที่
หึงหวงมากจนนอนไม่หลับ วิตกกังวล ขาดสมาธิในการทำงาน ลุกลี้ลุกลน
หวาดระแวงมากถึงขนาดต้องออกติดตามสอดแนมดูพฤติกรรมคนรักคู่ครอง
อย่างใกล้ชิด จนบางทีอาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน
    ใครที่มีอาการหึงหวงถึงขึ้นนี้ควรจะไปพบจิตแพทย์หรือเริ่มปรึกษา
นักวิชาการด้านสุขภาพจิต เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ อาจทำด้วยพฤติกรรม
บำบัด จิตบำบัดหรืออาจถึงขึ้นต้องใช้ยาเพื่อการรักษา ส่วนใหญ่เจ้าตัว
มักไม่คิดว่าอาการหึงหวงที่ตนเป็นอยู่เป็นปัญหา แต่คนที่เป็นคู่รักคู่ครอง
จะรับรู้และอาจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญมาก ขอให้เข้าใจว่าอาการมากขนาด
นั้นน่าจะมีการป่วยด้านจิตใจร่วมด้วยจึงควรพาไปพบจิตแพทย์
    หากคู่รักคู่ครองที่มีอาการหึงหวง ไม่ยอมรับ ไม่ยอมมาพบจิตแพทย์
ก็ขอให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบมาปรึกษาจิตแพทย์
ด้วยตนเอง เพื่อจิตแพทย์จะได้จัดยาให้เขารับประทาน ซึ่งเป็นยาน้ำใช้
สำหรับหยดลงในน้ำให้ดื่ม ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส คนที่มีความหึงหวงมาก ๆ
เมื่อได้รับยานี้อาจโดยการที่แฟนแอบเอาหยดใส่น้ำให้ดื่มทุกวัน อาการ
หึงหวงจะลดลงจนปรับตัวได้ และสงบสุขทั้งตัวเองและผู้ที่อยู่ร่วมด้วย
      โดยทั่วไปเมื่อได้รับยาติดต่อกันประมาณ 1 เดือน จะเริ่มเห็นผลอย่าง
ชัดเจน ดังนั้นก็ขอให้มาปรึกษาจิตแพทย์เพื่อการช่วยเหลือ แล้วจะเกิด
ความสงบสุขได้จริง

      6. ฝึกปฏิบัติกรรมฐาน
          วิธีแก้ไขในข้อนี้เป็นข้อแนะนำโดยตรงสำหรับผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน
การฝึกกรรมฐาน ทั้งสมถกรรมฐาน และวิปัสนากรรมฐาน หรือที่สาธารณชน
ส่วนมากมักจะเรียกง่าย ๆว่าปฏิบัติธรรมนั่นเอง ควรไปปฏิบัติกรรมฐานที่จัดขึ้น
ในวัดหรือในสำนักปฏิบัติธรรมที่มีพระสงฆ์และึึครูบาอาจารย์ที่รู้จริงคอยแนะนำ
จะช่วยทำให้เข้าใจชีวิต เข้าใจการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของกายและจิต
ซึ่งจะส่งผลให้คลายความกำหนัดยินดีในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
ลดความยึดมั่นถือมั่นและความเป็นตัวเป็นตนของตนเอง จนพบความสงบ
สุขทางใจได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้ความอดทนและเพียรพยายามร่วมด้วย
         อย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันแก้ไขอาการหึงหวงทั้งหกวิธี ควรได้รับ
การปรึกษาจากนักสุขภาพจิตและได้รับการรักษาจากจิตแพทย์ร่วมด้วย
         การฝึกปฏิบัติกรรมฐานตามแนวพุทธศาสนานั้น ควรจะทำควบคู่กัน
ไปทุก ๆวิธีเพื่อจะได้ผลดีทั้งต่อตัวเองและคนที่คุณรัก แม้้ในชีวิตของความ
เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยังวนเวียนอยู่กับความรัก โลภ โกรธ หลง
จะทำให้มิอาจละกิเลสได้ทั้งหมด แต่การมีความรักที่มีพื้นฐานของจิตใจ
ที่มั่นคง มีความภาคภูมิใจในตนเอง ดำรงชีวิตอย่างมีสติ มีจิตใจที่มีความเมตตา
กรุณา และรู้จักชื่นชมในคุณงามความดีของผู้อื่น ก็จะช่วยลดละความรู้สึก
หึงหวงที่ทำให้จิตไม่สงบลงได้ แล้วพัฒนาความคิดมาเป็นความห่วงหาอาทร
อย่างสมเหตุผลและปฏิบัติต่อคนรักคู่ครองด้วยความรักที่เหมาะสมในที่สุด
..................................................................................................
เป็นอย่างไรกันบ้างวิธีป้องกันความหึงหวงคงช่วยได้เยอะเลย
ก็อ่านมาจากSecretแล้วก็เลยเอามาเล่าต่อให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน
แต่ก็ดีเหมือนกันนะคะถ้าเผื่อการที่เราไม่ได้ตัวติดอยู่กับคนรักตลอดเวลา
แทนที่เราจะคิดฟุ้งซ่านเราควรคิดถึงเขาแต่ในแง่ดีก็เขาเป็นคนที่เราเลือก
มาแล้วนี่นา เขาก็ต้องเป็นคนที่ดีในระดับนึงแหละใช่มั้ยและก็เป็นการ
ให้เกียริตคนที่เรารักด้วยไม่แน่นะเวลาที่เขาคิดนอกลู่นอกทางขึ้นมา
เขาอาจจะคิดถึงข้อดีของเราและเกิดละอายใจว่าเรารักและไว้ใจให้
เกียริตเขามาำกคงไม่มีใครอยากทำลายความเชื่อมั่นและความภาคภูมิ
ใจที่คนรักมีให้ได้ลงคอหรอก
     แต่หากว่ามันเกิดขึ้นจริงเราหลีกเลี่ยงไม่ได้
ให้ถือซะว่าเค้ากับเรามันคงไม่ใช่ อย่าไปฝืนมันจะยิ่งทำร้ายตัวเราและ
ความมั่นคงในจิตใจของเรา ให้เราปล่อยเค้าไปตามทางของเค้า(ทางที่
ชอบๆ) ส่วนเราก็ไปตามทางของเรา ทางเส้นใหม่ที่สดใสกำลังรอเรา
อยู่ที่เราได้เป็นอิสระจากคนที่หลอกลวงเรา มันก็เป็นแค่วาระๆนึงเท่านั้นเอง
แล้ววันนึงเราจะพบคนที่ใช่คนนั้น ที่เกิดมาเพื่อเดินไปพร้อม ๆกับเราจริงๆ
หรือลองมองถึงคนที่เค้าลำบากกว่าเรา เด็กที่ขาดความรัก คนที่อดอยาก
ขาดแคลนอาหาร ไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าห่มกายในยามหนาว ต้องเดินเท้าเปล่า
คนที่ต้องเก็บเศษอาหารมาเพื่อประทังชีวิต คนเหล่านี้มีอยู่จริง
ถ้าเราลองคิดถึงปัญหาของเราให้น้อยลง ในเมื่อเรามีข้าวกิน มีบ้านอยู่
และยังมีโอกาสได้พูดคุยกับเค้าคนนั้นอยู่ทุกวันแค่นี้เราควรพอใจ
และควรหาทางทำความดีกับคนรักของเราหรือคุณพ่อคุณแม่หรือ
 คนที่ด้อยโอกาสกว่าเราบ้าง
คงทำให้เราลืมเรื่องการหวาดระแวงไปได้เยอะทีเดียวค่ะ 
เพื่อนๆคงเคยได้ยินมาบ้างว่า เมื่อประตูบานนึงปิดลง จะมีประตูบานใหม่
เสมอที่เปิดรอเราอยู่เสมอ ลองหาแสงสว่างจากประตูบานนั้นนะคะ
แล้วเดินออกไปพบโลกที่กว้างไกล ยังมีอะไรอีกมากมายที่รอเราอยู่
ไม่ใช่แค่ความรักจากคนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นหรอกคะ

9/1/10

ทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญพิษรักแรงหึง!

ที่มาของเรื่อง : วุณิพงศ์ ถายะพิงค์,Secret

มะลิเป็นภรรยาที่ขึ้หึงมาก
เธอจะคอยติดตามดูตลอดเวลาว่า ในวันหนึ่ง ๆ หลักจากเลิกงานแล้วสามี
ไปไหนกับใคร และเมื่อกลับบ้านผิดเวลา เธอจะซักไซ้สามีโดยละเอียด พร้อม
อารมณ์ที่หงุดหงิด ซึ่งเป็นเหตุนำมาสู่การทะเลาะกันเสมอ บางครั้งรุนแรงมาก
ถึงขั้นตบตีกัน ทำให้สามีรู้สึกเบื่อและรำคาญกับอารมณ์ขี้หึง และกริยาท่าที
ที่คอยสอดแนมสามีตลอดเวลา จนเกือบจะหย่าร้างกันหลายครั้ง

มานพก็เป็นสามีที่ขี้หึงมากเช่นกัน
เขาคอยเฝ้าดูภรรยาไม่ให้คลาดสายตา และกำชับให้กลับบ้านตรงเวลา
เสมอ และมักจะโทรศัพท์ไปสอบถามผู้ร่วมงานและ้เพื่อน ๆของภรรยาว่า ภรรยา
ไปไหน ไปกับใคร อยู่อย่างไร หากวันไหนภรรยากลับบ้านค่ำ เช่น ไปงานเลี้ยง
กับเพื่อน มานพก็จะโทรศัพท์ตามและสอบถามดูว่า ไปกับใครบ้าง นั่งใกล้ใคร
และเมื่อกลับถึงบ้านก็จะบังคับให้ภรรยาถอดชุดชั้นในให้ดู เพราะต้องการดูว่า
รอยคราบน้ำอสุจิของชายอื่นหรือเปล่า ภรรยาทนไม่ไหวกับความหึงหวงและ
หวาดระแวงของสามีจึงเกิดการทะเลาะกันบ่อยครั้งจนเกือบจะหย่าร้างกัน
ในที่สุดเธอตัดสินใจปรึกษาจิตแพทย์เรื่องสามีขี้หึง จิตแพทย์ได้แนะนำวิธี
การอยู่ร่วมกับสามีขี้หึงและจัดยาชนิดน้ำ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ให้เํธอ
แอบเอาไปหยดใส่น้ำให้สามีดื่มประมาณ 1 เดือน อาการหึงหวงของสามีก็ดีขึ้น
อย่างมาก ทุกวันนี้ทั้งคู่อยู่กันอย่างสงบสุขขึ้น

ตัวอย่างทั้งสองเรื่องที่เขียนเล่ามานี้เป็นเรื่องจริงและ้เหตุการ์์ณจริงเกี่ยวกับ
คนขึ้หึง ซึ่งสามารถแก้ไขได้ตั้งแต่ระดับง่าย ๆ จนถึงขั้นต้องใช้ยาบำบัดรักษา

รู้จักความหึงหวง
       หึงหวงหมายถึงภาวะที่บุคคลมีอารมณ์ ความรู้สึกหวาดระแวงบุคคลที่ตนเอง
รัก ว่าจะนอกใจหรือไปรักผู้อื่นที่มิใช่ตนเอง ความหึงหวงเกิดขึ้นได้ในสัมพันธ์รัก
ทุกรูปแบบ แต่จะปรากฏชัดเจนและมากในรูปแบบความรักเชิงชู้สาว ความรู้สึกหึงหวง
นำมาซึ่งพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความหวาดระแวงได้มากมาย อาทิเช่น ติดตาม
สืบเสาะและสอดแนมด้วยรูปแบบต่าง ๆ มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย
ไปจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิต
        ส่วนหวงแหนนั้น หมายถึง กันไว้สำหรับตน ในด้านพุทธปรัชญา ความรู้สึก
หึงหวงคือกิเลสตัณหาอย่่างหนึ่ง กล่าวคือ อยากให้เขารักเราคนเดียว อยากให้เขา
เป็นของเราคนเดียว และเป็นอุปาทานยึดมั่นว่าเป็นของตน เข้าใจผิดคิดว่า
ควบคุมได้แบบเบ็ดเสร็จ
        แต่ไม่ว่าใครจะมีมุมมองหรือนิยามคำว่าหึงหวงไว้อย่างไร ที่แน่ ๆ ความรู้สึกหึงหวง
ที่มากมายเกินกว่าคำว่าห่วงหานั้นจะนำมาซึ่งความคิดหวาดระแวงและไร้ความสงบสุข
ภายในจิตใจของตนเอง และยังส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ใกล้ชิด โดยเฉพาะคนรักคู่ครอง
ที่ถูกหึงหวงก็จะพลอยไร้ความสงบสุขไปด้วย ความหึงหวงอาจเป็นความรู้สึกควบคู่หรือ
ใกล้ชิดกับความรู้สึกรักในเชิงชู้สาวมาก แต่การมีความรู้สึกหึงหวงและแสดงออกต่อกัน
แต่พอดีอาจส่งผลต่อความรัก ทำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในกันและกันได้ แต่ความ
หึงหวงที่มากจนเกินไปจะกัดกร่อนอารมณ์ความรู้สึกของตนจนไร้ความสงบสุข ถึงขั้น
ไม่สบายใจมาก นอนไม่หลับ ขาดสมาธิ จนไม่สามารถปรับตัวในการดำรงชีวิตได้
ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวนี้สามารถเยียวยาได้
...................................................................................................................
บทความนี้อ่านมาจากหนังสือSecretค่ะ เห็นว่าน่าสนใจดีมีใครมีอาการดังนี้บ้างเอ่ย
คงทรมานพิลึกเลยแต่ทุกปัญหาก็ย่อมมีทางแก้ เพื่อชีวิตคู่ที่มีความสุขอะไรที่มันมาก
เกินพอดีก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละค่ะ บทความนี้ยังไม่จบนะมีทางแก้ให้ด้วย ติดตามตอนต่อ
ไปด้วยนะคะ เรื่อง จะป้องกันความหึงหวงได้อย่างไร