11/7/10

Diaryเพิ่มภูมิคุ้มกันผ่านไดอารี่

เรื่อง  หนังสือwellfit
original_diaries
เพิ่มภูมิคุ้มกันผ่านไดอารี่  การเขียนเล่าประสบการณ์ทางอารมณ์ที่แย่ ๆ จะเอื้อผลดีต่อสุขภาพ และการวิจัยล่าสุดยังบ่งชี้ว่า  การบันทึกประสบการณ์แห่งความสุขก็ส่งผลดีเช่นกัน Chad M.Burton และ Laura A.King นักจิตวิทยาของUniversity of Missouriได้ให้คนจำนวน 90 คน เขียนไดอารี่ 20 นาทีเป็นเวลา 3 วัน และติดตามผล 3 เดือนหลังจากนั้น บุคคลที่เขียนไดอารี่ในหัวข้อซึ่งไม่พาดพิงถึงอารมณ์ความรู้สึกเลย จะเข้ารับการรักษาด้านสุขภาพมากกว่าบุคคลที่บันทึกไดอารี่ในเรื่องที่เกี่ยวกับความสุขประมาณ 5 ครั้ง นักวิจัย Laura A.King แสดงความเห็นว่า การหมกมุ่นอยู่กับประสบการณ์แย่ ๆ อาจก่อให้เกิดความรู้สึกหดหู่ แต่เป็นเรื่องน่ายินดีที่การจดจ่ออยู่กับสิ่งดี ๆจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

11/5/10

ข้อคิดดี ๆ มาแบ่งปัน






1. อย่าขับรถเร็วเกินกว่าที่เทวดาประจำตัวของคุณบินทันเป็นอันขาด 

2. จงวางแผนล่วงหน้า : ฝนยังไม่ตกหรอกนะตอนโนอาห์สร้างเรือน่ะ

3. การแก้แค้นไม่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เหมือนกับดื่มน้ำทะเลเวลาหิวน้ำนั่นแหละ

4. ความหมายของความสุขขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอยากให้มันเป็น

5. “อย่ากลัวความฝันของคุณ : มันง่ายกว่าที่คิด”

6. นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ทุกๆ 4 คน จะมีคนหนึ่งที่สติเพี้ยนๆลองเช็คเพื่อนคุณสัก 3 คนสิ ถ้าทุกคนปกติดี ก็คุณน่ะแหละ

7. แบ่งปันรอยยิ้มของคุณให้กับทุกคน แต่ให้เก็บจุมพิตให้กับคนเพียงคนเดียว

8. บางครั้งวิธีช่วยที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ก็คือ ผลักเขาแรงๆ(หมายถึงผลักดันให้เขาทำสิ่งที่ลังเลอยู่น่ะ)

9. น้ำตาจะให้คุณก็แค่ความเห็นอกเห็นใจ แต่เหงื่อจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ

10. สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนี้ไม่ใช่วัตถุ

11. มอบสองสิ่งให้กับลูกของคุณ อย่างหนึ่งคือรากฐานที่มั่นคง อีกอย่างก็คือ ปีกที่จะบินออกไปเอง

12.การออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับจิตใจคือการก้มลงแล้วช่วยคนอื่นให้ลุกขึ้น

13. คนคนหนึ่งอาจทำอะไรผิดพลาดได้หลายอย่างแต่มันจะกลายเป็นความพ่ายแพ้ไปจริงๆ เมื่อเขาเริ่มโยนความผิดไปให้คนอื่น

14. เพื่อนแท้คือคนที่เชื่อว่าคุณเป็นฟองไข่ที่สมบูรณ์แม้ว่าจริงๆแล้วคุณจะมีรอยร้าวไปแล้วครึ่งหนึ่ง

15. นี่คือวิธีที่จะรู้ว่าหน้าที่ของคุณบนโลกใบนี้จบสิ้นแล้วหรือยัง :ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ มันก็ยังไม่จบ

16. ชีวิตเรียนรู้ได้จากการย้อนระลึกถึง แต่ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า

17. การใช้ชีวิตอยู่บนโลกนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมากแต่เราก็ได้เดินทางรอบดวงอาทิตย์ฟรีๆเป็นของแถม

18. ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มนุษย์เราจะร่ำรวยความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อความร่ำรวย เริ่มครอบครองมนุษย์

19. เรารู้สึกดีที่มีความสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเป็นคนดี

20. มีแต่ปลาตายที่ลอยตามน้ำ

21. คุณค่าของคนคนหนึ่งบอกได้จากวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคนที่เขาไม่ต้องการ

22. เงยหน้าขึ้นรับแสงตะวัน แล้วคุณจะไม่มีวันพบกับเงามืด -เฮเลนเคลเลอร์

23. คนอ่อนแอเท่านั้นที่ให้อภัยใครไม่เป็นการให้อภัยเป็นคุณสมบัติของผู้เข้มแข็ง

24. คำว่า listen (ฟัง) นั้นใช้ตัวอักษรชุดเดียวกับคำว่า silent (เงียบ)

25. ไม่มีผู้โดยสารบนยานอวกาศที่ชื่อว่า “โลก”พวกเราทุกคนล้วนแต่เป็นลูกเรือทั้งสิ้น

26. ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรามีแต่เพื่อนที่เรายังไม่ได้พบเท่านั้น

27. เมื่อคุณพูดความจริง คุณไม่จำเป็นต้องไปนั่งจำอะไรทั้งนั้น

ที่มา : fwdmail

11/1/10

jealous หึง จัดการได้ถ้า…

p13(2)
เรื่องจากหนังสือคลีโอ:BY GUTTJING
             วันนี้อาการแพ้ท้องดีขึ้นนิดนึงแล้ว ก็เลยมีแรงลุกขึ้นเก็บหนังสือเก่าเอามาจัดให้เรียบร้อยก็อดเปิดอ่านไม่ได้ จัดไปอ่านไปก็ไม่เสร็จสักที เจอบทความนึงในหนังสือคลีโออ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยแต่เอ๊ะ เราเปิดข้ามไปได้ยังไงไม่รู้ ยังไม่เคยได้อ่านเลย  ลองเอามาให้เพื่อน ๆได้อ่านกันบ้างสำหรับวิธีจัดการกับความหึงได้เป็นอย่างดี ดูมีเหตุมีผล ใครทำตามได้น่าจะเอาชนะความหึงได้ เราเองก็ทำตามอยู่หลายข้อในนี้เหมือนกัน แสดงว่ามาถูกทางแล้ว
เมื่อไหร่ที่เรารักใครสักคน ความหึงมักจะมาเยือนโดยที่เราไม่ตั้งตัว อารมณ์หึง หวง หรือห่วงนั้น เราสามารถควบคุมได้ถ้าเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน เพียงแค่เข้าใจธรรมชาติของมันและเรียนรู้หนทางที่จะปลดปล่อย เพียงเท่านี้ใจคุณก็จะไม่ร้อนรุ่มด้วยการอยากครอบครองอีกต่อไป
              เราจะรักใครสักคนโดยไม่ต้องหึงได้ไหม? ได้และอาจจะต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกรักใครขึ้นมา เราก็อยากให้เขารักเราคนเดียว นี่ล่ะ ความหึงก็เกิดขึ้นตอนนี้นี่เอง
              “ หึง” เป็นความรู้สึกว่าคนที่เรารัก เขาคือสมบัติของเราเป็นของเราคนเดียว ไม่อยากให้เขาสนใจใคร ไม่อยากให้เขามองใครที่ไหน และถึงเขาจะเป็นสมบัติ  เราลืมไปรึเปล่าว่า เขาก็ต้องเป็นสมบัติของพ่อแม่ พี่น้องของเขาด้วย ท่าน ว.วชิรเมธี เคยเล่าเรื่องอารมณ์หึงหวงไว้ว่า “เมื่อความอยากครอบครองที่แฝงมาในนามของความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ความรักก็กลายร่างเป็นความร้ายได้ทุกเมื่อ”
              ทำไมเราถึงหึง?
“หึง” เป็นส่วนหนึ่งของความกลัว ในทางจิตวิทยาอธิบายสาเหตุของความหึงไว้ว่า มันคือ ความกลัวความสูญเสีย เพราะเมื่อถึงจุดที่ความสัมพันธ์เริ่มจะไปในทางที่ดีแล้ว คุณจะเริ่มกลัวว่าจะสูญเสียมันไปแทบจะทันที ที่สำคัญความหึงมีหลายระดับความรุนแรง แต่ที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นความหึงหวงที่ควบคุมไม่ได้ แบบที่เราเคยเห็นในข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มาแล้วเกือบทุกฉบับ ความหึงแบบนี้เป็นอาการแบบที่ว่า ถ้าฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ซึ่งอันตรายมาก และเป็นกิเลสที่ทำให้คนนั้นกลายเป็นคนตาบอด มองไม่เห็นความจริงว่า ไม่มีใครและไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง
            ทันตแพทย์สม สุจิรา กล่าวไว้ว่า ความกลัวนั้นมีแรงดึงดูด ยิ่งกลัวมากเท่าไหร่ จิตของเราจะดึงดูดให้สิ่งที่เรากลัวนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ บ่อยครั้งที่เราเห็นคู่รักที่หึงหวงกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กลับลงเอยด้วยความบาดหมางและความไม่ไว้ใจติดใจอยู่เสมอ รอวันที่จะระเบิดออกมา จะเรียกว่า ความหึงเป็นส่วนหนึ่งของความรักที่ไม่พอดี คงไม่ผิดนัก จากหนังสือธรรมะทำไม ของท่าน ว.วชิรเมธี บอกในเรื่องของความรักไว้ว่า ความรักที่สมดุลนั้นต้องเกิดจาก สมอง+หัวใจ สมอง:เหตุผลและสติสัมปชัญญะ   หัวใจ:อารมณ์หรือความรู้สึก สมองและหัวใจควรวางอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลบนตาชั่ง
          แต่มนุษย์ส่วนใหญ่เหมื่อตกหลุมรักใครสักคน หัวสมองมักจะด้านชา แต่หัวใจมักคึกคะนอง ซึ่งทำให้เรามองความรักในแง่ของความสนุกการครอบครอง และนำมาซึ่งความหึงหวงในที่สุด บางครั้งเมื่อความหึงหวงนำพาความรักไปสู่จุดจบ บางคนลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเองหรือไม่ก็ป่วยด้วยโรคทุกข์ซ้ำซากอย่างยาวนาน   หัวสมองเหมือนกับแจกัน หัวใจเหมือนกับดอกไม้ ทั้งสองอย่างนี้มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันเลย แต่ถ้าทั้งสองอย่างนี้มาอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลเมือไหร่ แจกันและดอกไม้ก็ก่อให้เกิดความงามได้อย่างลงตัว ท่าน ว.วชิรเมธี กล่าว
       ความหึงของคุณvs ความหึงของเขา
ความหึงของคุณ เกิดขึ้นแทบจะทันทีเมื่อคุณรักใครสักคน แต่สำหรับผู้หญิงแล้วบางครั้งความหึงหวงมาพร้อมกับความอิจฉาริษยา ซึ่งสองคำนี้นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความหึงเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายคนรักของคุณทำอะไรที่เข้าข่ายของการไม่ซื่อสัตย์ แต่ความอิจฉานั้นเกิดขึ้นเมื่อคุณหวังและต้องการในการที่จะทำแบบเดียวกันด้วย ทั้งสองอย่างนี้เป็นตัวร้ายในการทำลายความสัมพันธ์ของคุณได้พอๆ กัน ความหึงของผู้หญิงนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายและจางหายยาก เพียงแค่หลักฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ระยะหลัง ๆ นี้เขาคุยโทรศัพท์บ่อยกว่าปกติและเกือบทุกครั้งจะต้องเดินออกไปคุยห่าง ๆ คุณ มันอาจจะมีอะไรหรือไม่มีอะไรก็ได้ แต่หัวคุณนั้นได้วาดภาพเรื่องราวไว้เป็นฉาก ๆ แล้ว และคุณพร้อมที่จะทำทุกวิธีทางเพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวคุณคิดถูก
ความหึงของเขา มีเส้นบาง ๆ แบ่งคำว่า  ผู้ชายเอาใจใส่ กับผู้ชายหวงของ  สองบุคลิกนี้แยกกันไม่ยาก ผู้ชายเอาใจใส่จะไม่หึงพร่ำเพรื่อ  และคุณคุณสามารถพูดกับเขาด้วยเหตุและผลได้ แต่ผู้ชายหวงของนั้น ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คุณจะมาเปลี่ยนความคิดเขาได้ ผู้ชายหวงของมาพร้อมกับอารมณ์ฉุนเฉียว บางครั้งถ้าควบคุมไม่อยู่จะกลายเป็นอันธพาลไปเขาสามารถบุกบ้านคุณและค้นข้าวของตู้เสื้อผ้ากระจุยกระจายได้เพียงเพราะว่า เขาคิดว่าคุณซ่อนใครไว้ในบ้าน  ถ้าในชีวิตจริงคุณต้องเจอผู้ชายแบบนี้ ต้องอดทนและบอกเขาว่า ไม่มีอะไรจริง ๆ เขาคิดไปเอง ยิ่งคุณย้ำเขามากเท่าไหร่ เขาจะคิดตรงกันข้ามมากขึ้นเท่านั้น
ความหึงของเรา เมื่อความหึงของหญิงและชายนั้นสวนทางกัน  ทางรับมือที่ดีและยั่งยื่นที่สุดคือ  ความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย กลยุทธ์สำคัญที่คุณควรลองใช้คือ ศาสตร์แห่งหยินและหยาง เมื่อฝ่ายใดร้อนมา เราเย็นใส่ ฝ่ายหนึ่งดำ เราต้องขาว มันคือกฏแห่งความสมดุลและจริงแท้ของธรรมชาติ แต่ก่อนที่ฝ่ายใดจะร้อนหรือดำ ให้เริ่มจากตัวคุณก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกถึงอารมณ์หึงหวงที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมา ให้ลองทำตาม 6 ข้อต่อไปนี้ดู