12/14/10

คุณต้องหาสิ่งที่รักให้เจอ

หนังสือทำสิ่งที่รัก…ยังไงก็รุ่ง

         เขียนถึงหนังสือเล่มนี้เป็นครั้งที่สองแล้วเนื่องจากว่ามีความจริงดี อีกหลายอย่างที่เรามองข้ามและเราไม่ทันสังเกตุกับมันจนมาได้อ่านหนังสือของคุณบัณฑิต จึงรู้สึกว่าจริงสิทำไมเราไม่รีบทำสิ่งที่เรารักเสียแต่วันนี้ เรามัวแต่ทำตามคนอื่นว่าดี นั้นเราลองคิดตามที่หนังสือบอกว่าให้คิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตแล้วสิ่งที่เราอยากทำจริง ๆนั้นคืออะไร ลองมาอ่านหนังสือเล่มนี้กันต่อเลยดีกว่าคะ

ตอนผมอายุ 17 ผมได้อ่านคำคมบทหนึ่งที่กล่าวทำนองว่า
“ถ้าคุณใช้ชีวิตแต่ละวันให้เหมือนกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของคุณ ในที่สุด คุณก็จะมีวันหนึ่งที่เป็นวันสุดท้ายของคุณจริงๆ”
คำพูดนี้ฝังใจผมมาตลอด และตั้งแต่วันนั้นเป็นเวลา 33 ปี ผมจะมองกระจกทุกเช้าและถามตนเองว่า “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตผมผมจะอยากทำสิ่งที่กำลังจะทำวันนี้หรือเปล่า?” และเมื่อไหร่ก็ตามที่คำตอบออกมาเป็นไม่ใช่ หลายวันติดต่อกัน ผมก็รู้ทันทีว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ในชีวิตแล้ว
การนึกได้ว่าผมอาจจะตายเร็ว ๆนี้ เป็นสิ่งที่ช่วยผมได้ดีที่สุดในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของชีวิต เพราะแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังจากภายนอก ศักดิ์ศรี ความกลัวการขายหน้าหรือความล้มเหลว สิ่งเหล่านี้จะหายไปจากความคิดทันที เมื่อใดที่เราเผชิญหน้ากับความตาย เหลือเพียงแต่สิ่งที่สำคัญกับเราอย่างแท้จริงการตระหนักได้ว่าเราจะต้องตาย เป็นทางที่ดีที่สุดที่ผมรู้ ที่จะพ้นจากกับดักของความคิดที่ว่าคุณมีอะไรต้องเสีย เพราะในความเป็นจริงชีวิตคุณนั้นเปลือยเปล่าอยู่แล้ว
                                ฉะนั้น
มันไม่มีเหตุผลใด ๆที่จะไม่ทำตามหัวใจของคุณเอง
เวลาของคุณนั้นมีจำกัด ฉะนั้นอย่าเสียมันไปกับการใช้ชีวิตของคนอื่น อย่างติดอยู่ในกรอบความคิดคนอื่น อย่าให้เสียงของความเห็นคนอื่นดังกลบเสียงข้างในตัวคุณเอง และที่สำคัญที่สุด จงมีความกล้าทำตามที่หัวใจและเสียงภายใน เพราะหัวใจของคุณมันรู้อยู่แล้วว่าจริง ๆ คุณต้องการจะเป็นอะไร สิ่งอื่นใดเป็นเรื่องรองลงมา
photo by hugmagazine

ทำสิ่งที่รักยังไงก็รุ่ง

บัณฑิต อึ้งรังษี
ทำสิ่งที่รักยังไงก็รุ่ง
จากหนังสือทำสิ่งที่รักยังไงก็รุ่ง
เป็นหนังสือสร้างแรงบันดาลใจอีกเล่มหนึ่งของคุณบัณฑิต อึ้งรังษี เขียนเกี่ยวกับการทำความฝันหรืองานที่เรารักโดยไม่ต้องกลัวกังวล โดยใช้เทคนิคต่าง ๆในเล่มและข้อเสียของการอยู่กับงานที่เราไม่ได้รักมันจะดูดชีวิตชีวาของเราให้หายไปและทำให้เรากลายเป็นคนซังกะตายหมดความฝันเลยทีเดียว วันนี้จะขอนำบางส่วนในหนังสือเล่มนี้มาเขียนให้อ่านกันนะคะ
เปรียบเทียบกระบวนการแบบเก่า&กระบวนการแบบใหม่
กระบวนการแบบเก่า(สร้างคนธรรมดา)
1   หาว่าทำอะไรแล้วรวย หรือมั่นคง(เอาเงินเป็นโจทย์ตั้ง)
2   พยายามจะทำงานนั้น ไม่คำนึงว่าตนชอบหรือไม่
3   กระโดดไป กระโดดมาจากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่งเห็นคนอื่นทำบางอย่างแล้วรวย ก็ทำตาม
4   ไม่เก่งสักอย่าง
5   ไม่มีความสุข เพราะไม่ได้ทำสิ่งที่รัก แล้วสิ่งที่เรียนมาตั้งแต่แรกก็ทำได้ไม่รุ่งเพราะสู้คนที่ทำงานนั้นเพราะรักไม่ได้
6   อายุมากขึ้นถูกlay offจากงาน เพราะบริษัทสามารถหาคนใหม่ที่ถูกกว่าได้ หรือไม่ก็ทนทำงานไปวันๆ(ราชการไล่ออกไม่ได้)รอวันเกษียณ
7   มีชีวิตอยู่แบบซังกะตาย
8   ไม่ได้สร้างสิ่งที่มีคุณค่ากับสังคมเท่าไรนัก เพราะตัวเองยังจะเอาไม่รอดเลยจะไปช่วยคนอื่นได้อย่างไร
9    จากโลกนี้ไปแบบไม่ได้ทิ้งอะไรที่มีค่าไว้ให้คนรุ่นหลัง
กระบวนการแบบใหม่(สร้างคน พิเศษ ที่ใช้ชีวิตเต็มศักยภาพ)
1    หาให้เจอว่าอะไร คือ งานแห่งชีวิต ที่รักและถนัด
2    คิดถึงตอนจบ ว่าตนต้องการไปถึงตรงไหน ( เช่น เป็นcloth designer อยู่เมืองนอกมีแบรนด์เป็นของตนเอง หรือทำงานอยู่เมืองไทย มีธุรกิจใหญ่เป็นของตนเอง)
3   ใช้เวลาฝึกฝนสิ่งนั้นจนเก่งมาก ๆ
4    มีความสุข สนุกตลอดเวลาในการเดินทาง
5    หาวิธีรุ่งจากสิ่งนั้น ถ้ายากที่จะเห็นในตอนแรก
6    ทุกอย่างตามมา เงินทอง ชื่อเสียง ความสุขในการทำงาน
7    สร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้สังคม และคนรุ่นต่อไป(เพราะตนเองมีเหลือเฟือ สามารถให้เวลา เงินทอง คำแนะนำ บริการที่ดี สิ่งของผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ ฯลฯกับคนอื่น)อย่างสตีฟ จ๊อบส์ เฉินหลง สตีเว่น สปีลเบิร์ก เจ.เค. โรว์ลิ่ง
8   จากโลกนี้ไปแบบ เปลี่ยนโลกเป็นที่จดจำของคนรุ่นหลัง เช่น คานธี เบโอเฟ่น จอห์น เลนนอน

12/13/10

อานิสงส์ของความกตัญญู

1   ทำให้รักษาคุณงามความดี เดิมไว้ได้
2   ทำให้สร้างคุณงามความดี ใหม่ได้อีก
3   ทำให้เกิดสติไม่ประมาท
4   ทำให้เกิดหิริโอตตัปปะ
5   ทำให้เกิดขันติ
ุ6   ทำให้จิตผ่องใส มองโลกในแง่ดี
7   ทำให้เป็นที่สรรเสริญ
8   ทำให้คนอยากคบหาสมาคม
9   ทำให้มนุษย์และเทวดา อยากช่วยเหลือ
10  ทำให้ไม่มีเวรไม่มีภัย
11  ทำให้ลาภยศทั้งหลายเกิดขึ้นโดยง่าย
12  ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย

พระธรรมสิงหบุราจารย์